xs
xsm
sm
md
lg

กรมพัฒน์ดันแฟรนไชส์ไทยโกอินเตอร์ ตั้งเป้าปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 แบรนด์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารับลูก “ศุภจี” ผลักดันแฟรนไชส์ไทยโกอินเตอร์ ตั้งเป้าปีนี้ออกไปโกยรายได้ไม่ต่ำกว่า 5 แบรนด์ จากปัจจุบันมี 48 แบรนด์ 31 ประเทศ พร้อมเดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจ ทั้งสร้างแฟรนไชส์รายใหม่ ผลักดันเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐาน ประกวดธุรกิจนำเข้าร่วมงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ และจัดแฟรนไชส์สร้างอาชีพ เพิ่มโอกาสผู้ประกอบการขายแฟรนไชส์ ช่วยคนมีธุรกิจเป็นของตนเอง

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้รับนโยบายนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผลักดันแฟรนไชส์ไทยขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ภายใต้กิจกรรมพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ไทยก้าวสู่สากล (Thai Franchise Towards Global) โดยมีแผนที่จะนำผู้ประกอบการแฟรนไชส์ที่มีความพร้อมโรดโชว์ต่างประเทศแสดงศักยภาพแฟรนไชส์ไทยให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวโลก และตั้งเป้าขยายแฟรนไชส์ไทยไปต่างประเทศเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 5 แบรนด์

ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จสามารถขยายธุรกิจแฟรนไชส์ไปต่างประเทศได้แล้วจำนวน 48 แบรนด์ แยกเป็นอาหารและเครื่องดื่ม 33 แบรนด์ การศึกษา 6 แบรนด์ ค้าปลีก 4 แบรนด์ บริการ 4 แบรนด์ และความงาม สปา 1 แบรนด์ จำนวน 31 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เมียนมา ลาว กัมพูชา ฮ่องกง จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา เนปาล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุด<อาระเบีย บาร์เรน มัลดีฟส์ โอมาน คูเวต กาตาร์ จอร์แดน อิหร่าน เลบานอน แคนาดา สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และอังกฤษ

นายพูนพงษ์กล่าวว่า สำหรับแผนพัฒนาแฟรนไชส์ในปี 2569 กรมมีกิจกรรมที่จะดำเนินการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ 5 กิจกรรม ได้แก่ 1. การสร้างธุรกิจแฟรนไชส์รายใหม่ สร้างความเข้าใจรูปแบบแฟรนไชส์ทั้งระบบ ทั้งความรู้สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ (แฟรนไชซอร์) การบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ (DBD Franchise Program : DBD-FP) และความรู้สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนหรือผู้ซื้อแฟรนไชส์ (แฟรนไชซี) เพื่อสำรวจความพร้อมของตนเองก่อนเข้าลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์

2. ยกระดับธุรกิจสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพการบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise Standard) โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านแฟรนไชส์ลงพื้นที่ให้คำปรึกษา ณ สถานประกอบการในลักษณะ On the job Training เพื่อพัฒนาธุรกิจเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพที่กรมจัดทำขึ้นตามระบบ Thailand Quality Award (TQA) และตามแนวทางมาตรฐานคุณภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (Malcolm Baldrige National Quality Award - MBNQA) ซึ่งเป็นที่ยอมรับและมีการนำไปใช้กว่า 70 ประเทศทั่วโลก ก่อนเข้าตรวจประเมิน 7 ด้าน ได้แก่ 1. การนำองค์กร 2. กลยุทธ์ 3. ลูกค้าและแฟรนไชซี 4. การวัด วิเคราะห์ และจัดการความรู้ 5. บุคลากร 6. การปฏิบัติการ และ 7. ผลลัพธ์ โดยผู้ผ่านเกณฑ์การประเมินจะได้รับประกาศนียบัตรพร้อมเครื่องหมาย Franchise Standard การันตีคุณภาพธุรกิจ ซึ่งกรมได้มีการพัฒนาและทบทวนเกณฑ์มาตรฐานทุก 2 ปี เพื่อให้เกณฑ์มาตรฐานการบริหารจัดการและกระบวนการตรวจประเมินมีมาตรฐานเทียบเคียงระดับสากล

3. การประกวดรางวัลธุรกิจแฟรนไชส์ไทย 2569 (Thailand Franchise Award 2026 : TFA 2026) เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ไทย สร้างการรับรู้ ภาพลักษณ์ที่ดี รวมถึงเป็นการเฟ้นหาธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีมาตรฐานที่ดีมีความโดดเด่นในแต่ละด้าน ซึ่งกิจกรรมการประกวดดังกล่าวจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจแฟรนไชส์จากแฟรนไชส์ต้นแบบที่ได้รับรางวัล
4. นำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงสินค้าและจำหน่ายสินค้าในประเทศ เพื่อสร้างประสบการณ์และการนำเสนอธุรกิจแก่นักลงทุนที่เข้าร่วมงาน โดยจะนำผู้ประกอบการที่อยู่ในการส่งเสริมเข้าร่วมงานระดับนานาชาติ เช่น Thailand Franchise & Business Opportunities (TFBO)

5. แฟรนไชส์สร้างอาชีพ Roadshow 2026 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเองและผู้ที่กำลังมองหาอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ เข้าถึงข้อมูลและเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการแฟรนไชส์โดยตรง โดยกรมได้รวบรวมแฟรนไชส์ชั้นนำหลากหลายประเภท ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม บริการ และค้าปลีก มาให้ผู้สนใจได้เลือกสรรตามความสนใจและความถนัด เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ขยายธุรกิจและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมถึงเป็นการช่วยเหลือผู้ว่างงานและผู้ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเองให้สามารถเข้าถึงโอกาสการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ พร้อมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและสร้างอาชีพให้กับประชาชน โดยการจัดกิจกรรม Roadshow 4 ภูมิภาค จะเริ่มดำเนินกิจกรรมตั้งแต่เดือน ธ.ค.2568 เป็นต้นไป

ปัจจุบันมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนาจากกรมรวมทั้งสิ้น 571 ราย แบ่งเป็น อาหาร 257 ราย สัดส่วน 45% เครื่องดื่ม 115 ราย สัดส่วน 20% บริการ 72 ราย สัดส่วน 13% การศึกษา 70 ราย สัดส่วน 12% ค้าปลีก 33 ราย สัดส่วน 6% ความงามและสปา 24 ราย สัดส่วน 4%


กำลังโหลดความคิดเห็น