xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” น้อมรำลึกสมเด็จพระพันปีหลวง ผู้ทรงสืบสานงานศิลปหัตถกรรมไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมทรัพย์สินทางปัญญาน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงสืบสานคุณค่างานศิลปหัตถกรรมไทย สู่มรดกทรัพย์สินทางปัญญา เผยพระองค์พระราชทานสัญลักษณ์นกยูงไทย เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย มีผลงานในพระราชดำริ ทั้งศิลปกรรม หัตถกรรม สิทธิบัตรการประดิษฐ์จำนวนมาก

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นแม่ของแผ่นดิน และทรงเป็นต้นแบบในการสืบสานและเผยแพร่คุณค่าของงานหัตถศิลป์ให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยตราบนานเท่านาน อีกทั้งยังทรงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ช่างฝีมือและนักออกแบบรุ่นใหม่ในการพัฒนาและต่อยอดการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาสู่ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและความเจริญมั่นคงของประเทศชาติ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพระองค์ทรงให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์การทอผ้าพื้นเมือง และทรงส่งเสริมให้ชาวบ้านรักษาลวดลาย สีสัน และกรรมวิธีดั้งเดิม เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น และต่อยอดเป็นทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อสร้างอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน และพระราชทานสัญลักษณ์นกยูงไทย 4 สี ให้เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแท้ที่ผลิตจากประเทศไทย

โดยเครื่องหมายรับรอง ประกอบด้วย 1. นกยูงสีทอง (Royal Thai Silk) สำหรับการรับรองผ้าไหมไทยแท้ระดับพรีเมียม ซึ่งผลิตด้วยเส้นไหมและกรรมวิธีดั้งเดิมตามภูมิปัญญาพื้นบ้าน 2. นกยูงสีเงิน (Classic Thai Silk) สำหรับการรับรองผ้าไหมไทยแท้ที่ทอขึ้นตามภูมิปัญญาพื้นบ้านผสมผสานกับการใช้เครื่องมือในบางขั้นตอน 3. นกยูงสีน้ำเงิน (Thai Silk) สำหรับการรับรองผ้าไหมไทยแท้ที่ผลิตด้วยภูมิปัญญาของไทยแบบประยุกต์ ใช้เทคโนโลยีการผลิตให้เข้ากับสมัยนิยมและเป็นเชิงธุรกิจ และ 4. นกยูงสีเขียว (Thai Silk Blend) สำหรับการรับรองผ้าไหมไทยแท้ที่ผลิตด้วยกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยใช้เส้นไหมแท้ผสมผสานกับเส้นใยอื่นที่ได้จากธรรมชาติหรือเส้นใยสังเคราะห์รูปแบบต่างๆ ตามวัตถุประสงค์


สำหรับเครื่องหมายรับรองตรานกยูง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายรับรอง ภายใต้ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2547 และต่อมาโอนสิทธิ์ให้กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วันที่ 30 มิ.ย. 2553 และมีการจดทะเบียนเครื่องหมายรับรองในอีก 35 ประเทศ ได้แก่ สหภาพยุโรป 27 ประเทศ สหรัฐฯ จีน ฮ่องกง อินเดีย นอร์เวย์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และสิงคโปร์

นอกจากนี้ ยังมีผลงานทรัพย์สินทางปัญญาตามแนวพระราชดำริที่ได้รับการคุ้มครองอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผลงานภายใต้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นผลงานลิขสิทธิ์ รวม 209 ผลงาน ได้แก่ งานศิลปกรรม (ประติมากรรมและศิลปะประยุกต์) 200 ผลงาน เช่น รูปปั้นคุณทองแดง เรือพระที่นั่งศรีประภัศรไชยจำลอง เชิงเทียนรูปดอกบัว เป็นต้น งานวรรณกรรม (งานนิพนธ์) 1 ผลงาน ได้แก่ บทร้อยกรอง “ศิลป์แผ่นดิน” คร่ำทอง งานโสตทัศนวัสดุ 1 ผลงาน ได้แก่ พระราชกรณียกิจสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ “สืบสานตำนานไทย” งานอื่นๆ (กล่องถมเครื่องเงิน) 7 ผลงาน เช่น ฉากปักไหมน้อย เรื่อง อิเหนา ลายโคมหงสมณฑล

ขณะเดียวกัน มีผลงานที่ได้รับการจดทะเบียนสิทธิบัตรการประดิษฐ์ 8 ฉบับ เช่น สบู่ไหมชนิดก้อนที่ใช้ผงไหมเซริซินที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยกำจัดจุลินทรีย์บางชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง (สิทธิบัตรฉบับแรกที่ได้รับการจดทะเบียนเมื่อปี 2546) วิธีการผลิตวัสดุตกแต่งผิวปีกแมลงทับ เพื่อนำปีกแมลงทับมาประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับชนิดต่างๆ (ปี 2547) องค์ประกอบข้าวปรุงหลายชนิด โดยมีส่วนผสมของข้าวกล้องขาวดอกมะลิ ข้าวกล้องหอมแดง ข้าวเหนียวกล้องและข้าวเจ้าขาวดอกมะลิ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ (ปี 2548) เครื่องผลิตเส้นไหมขัดฟัน (ปี 2555) เป็นต้น รวมทั้งจดทะเบียนสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ 31 ฉบับ เช่น งานออกแบบขัน ถาด จานรอง เชิงเทียน เป็นต้น

นางอรมนกล่าวว่า กรมได้ร่วมสืบสานพระราชปณิธาน และน้อมนำแนวพระราชดำริมาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนภารกิจด้านทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะการส่งเสริมสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ซึ่งสินค้าที่มีความพิเศษ เป็นชื่อเสียงหรืออัตลักษณ์ของชุมชน โดยมีการขึ้นทะเบียนผ้า GI ไทยกว่า 17 รายการ เช่น ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นผ้าไหมที่ทอประดิษฐ์ลวดลายด้วยการขิดและการจก ใช้เส้นไหมตีเกลียวเป็นทั้งเส้นยืนและเส้นพุ่ง และมีเส้นไหมเพิ่มพิเศษในการทำให้เกิดลวดลายเป็นเอกลักษณ์ตามกรรมวิธีการผลิตที่สืบทอดกันมา ผ้าไหมยกดอกลำพูน ซึ่งเป็นผ้าไหมที่ทอยกลวดลายให้สูงกว่าผืนผ้า โดยการเลือกยกบางเส้นและข่มบางเส้นเพื่อให้เกิดลวดลาย โดยใช้ตะกอลอยและใช้เส้นไหมตีเกลียวเป็นทั้งเส้นยืนและเส้นพุ่ง รวมทั้งใช้เส้นไหมพิเศษทอยกลวดลายอย่างประณีต เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ได้ส่งเสริมการทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้า GI เพื่อรักษามาตรฐานการผลิต ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคว่าได้รับของดีมีคุณภาพที่มาจากแหล่งผลิตโดยตรง รวมทั้งต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์สินค้า GI และผลักดันแหล่งผลิตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนการส่งเสริมช่องทางการตลาดสินค้า GI ทั้งในและต่างประเทศ เช่น การจัดงาน GI Market การจำหน่ายสินค้าในห้างสรรพสินค้าชั้นนำและแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมสร้างการรับรู้สินค้า GI ในต่างประเทศ โดยนำผ้าไหมยกดอกลำพูนและผ้าตีนจกแม่แจ่ม (เชียงใหม่) มาออกแบบชุดสวมใส่ให้กับประติมากรรมแมนเนแกน พิส ซึ่งเป็นรูปปั้นเด็กสัญลักษณ์ประจำกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เป็นต้น

ปัจจุบันสินค้าผ้า GI ทั้ง 17 รายการกลายเป็นสินค้าเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดต่างๆ มีปริมาณการผลิตรวมกว่า 280,000 ชิ้นต่อปี และสามารถสร้างรายได้สู่ชุมชนรวมกว่า 490 ล้านบาทต่อปี ตอกย้ำภาพลักษณ์สินค้า GI ซึ่งถือเป็นสินค้าคุณภาพที่มีเอกลักษณ์ เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ช่วยสร้างอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน








กำลังโหลดความคิดเห็น