GULF ผนึกโกลด์วินด์ ลงนามสัญญาจัดหากังหันลม สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังลม 4โครงการในไทย กำลังการผลิตติดตั้งตามสัญญารวม 286 เมกะวัตต์ และกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2570 หนุนขับเคลื่อนพลังงานสะอาด
นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ลงนามในสัญญาจัดหากังหันลม (Wind Turbine Supply Agreement) กับบริษัท โกลด์วินด์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ฮ่องกง) จำกัด และสัญญาออกแบบ ก่อสร้าง และทดสอบระบบกังหันลม (Wind Turbine Construction Agreement) กับบริษัท โกลด์วินด์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 4 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งตามสัญญารวม 286 เมกะวัตต์ (MW) และกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD)ในปี 2570 โดยมีนายมีนายเฉา จื้อกัง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โกลด์วินด์ กรุ๊ป ร่วมลงนามในครั้งนี้
บริษัท โกลด์วินด์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ฮ่องกง) จำกัด และ บริษัท โกลด์วินด์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือ Goldwind Science & Technology Co., Ltd (โกลด์วินด์ กรุ๊ป) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นและฮ่องกง หนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านพลังงานลมแบบครบวงจร ครอบคลุมการออกแบบ การผลิต และการติดตั้งกังหันลมทั้งบนชายฝั่งทะเล (onshore) และนอกชายฝั่งทะเล (offshore) รวมถึงบริการบำรุงรักษาและบริหารสินทรัพย์พลังงานสะอาด บริษัทมีเครือข่ายธุรกิจและประสบการณ์ในโครงการพลังงานลมทั่วทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกา แอฟริกา และออสเตรเลีย อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลายโครงการพลังงานลมในประเทศไทย และได้จัดตั้งศูนย์บริการเพื่อให้การสนับสนุนและการดูแลลูกค้าอย่างครบวงจรและมีประสิทธิภาพ
ทางโกลด์วินด์จะจัดหากังหันลมสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมของ GULF 4 โครงการในประเทศไทย กำลังการผลิตติดตั้งตามสัญญารวม 286 MW โดยมี 1 โครงการที่ GULF ถือหุ้น 100% ผ่านบริษัท กัลฟ์ รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์จี จำกัด (GRE) มีกำลังการผลิตตามสัญญา 78 MW และอีก 3 โครงการเป็นการร่วมทุนกับบริษัท อัลฟา เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่ง GRE ถือหุ้นในสัดส่วน 60% มีกำลังการผลิตตามสัญญารวม 208 MW ทั้งนี้ทั้ง 4 โครงการคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีพ.ศ. 2570
การลงนามสัญญานี้เป็นไปตามกลยุทธ์ของ GULF ในการจัดหาเทคโนโลยีกังหันลมที่มีคุณภาพจากคู่ค้าที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนขั้นสูงเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง การร่วมมือครั้งนี้จึงตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ GULF ในการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของกลุ่มบริษัทในการเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่า 40% ภายในปีพ.ศ. 2578 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปีพ.ศ. 2593 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมพลังงานสะอาดเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน