xs
xsm
sm
md
lg

“ชนินทธ์” ยัน 26 นี้ “ดุสิต” จบสวย “ศุภจี” เปิดใจลา-พร้อมช่วยชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360- “ชนินทธ์ โทณวณิก” นั่งตำแหน่งคุม “ดุสิตธานี” แทน “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์“ ปีหน้าจะกลับมาสานงานต่อ ย้ำดุสิตธานีรากฐานอย่างมั่นคง ปมความขัดแย้งมีคุยหาทางออกทุกวัน รอ 26 ก.ย. รู้ผล พร้อมเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในบริบทใหม่ ปีหน้ารายได้แตะ 16,000 ล้านบาท โละขาดทุนสะสม 1,000 กว่าล้านบาทที่มีอยู่ในปีนี้


คณะกรรมการดุสิตธานี มีมติแต่งตั้ง นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ ควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม (กรุ๊ปซีอีโอ) หลังจากนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ขอเกษียณก่อนครบกำหนดจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยบริษัทเห็นชอบให้มีผลตั้งแต่วันนี้ (12 กันยายน 2568) เป็นต้นไป มั่นใจไม่กระทบการดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานี ย้ำ “ดุสิตธานี” ผ่านการวางรากฐานอย่างแข็งแกร่ง และพร้อมที่จะเติบโตอย่างมั่นคงภายใต้บริบทใหม่ 

บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า บริษัทได้รับแจ้งจากนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าหลังจากได้รับการทาบทามจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้เข้าดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางศุภจีได้ตัดสินใจตอบรับการทาบทามเพื่อดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงมีความประสงค์จะขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดจากตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. ดุสิตธานี เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมเศรษฐกิจ ที่จะร่วมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ เพื่อพัฒนาประเทศในช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน

เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัท เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง คณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ควบอีกหนึ่งตำแหน่ง เพื่อให้การบริหารจัดการและนโยบายต่างๆ ในระยะเปลี่ยนผ่าน สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น


นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี เปิดเผยว่า ในฐานะองค์กรที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ ดุสิตธานีรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ นางศุภจีได้รับโอกาสอันสำคัญนี้ ซึ่งจะเป็นการอุทิศตนเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในช่วงรอยต่อที่สำคัญของบ้านเมือง ทั้งนี้บริษัทขอขอบคุณคุณศุภจีสำหรับความทุ่มเท ความเป็นผู้นำ และวิสัยทัศน์ที่ได้หล่อหลอมองค์กรตลอดที่ผ่านมา จนภารกิจในการวางรากฐานให้กลุ่มดุสิตธานีพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สามารถสำเร็จลุล่วงด้วยดี

ในขณะที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเวลานี้ต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อน ซึ่งนับเป็นเรื่องเร่งด่วน ภายใต้เงื่อนเวลาที่จำกัด กลุ่มดุสิตธานีจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณศุภจีจะได้ใช้ความรู้ความสามารถทำงานรับใช้ชาติและประชาชน ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และหากภารกิจของชาติเสร็จสิ้นเป็นเรียบร้อย กลุ่มดุสิตธานีพร้อมต้อนรับคุณศุภจีกลับมาเสมอ

“บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณศุภจีจะได้ใช้ความรู้ความสามารถทำงานรับใช้ชาติและประชาชน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จริงๆ ตนไม่คิดว่าคุณศุภจีจะไปทำงานทางสายการเมืองได้ เพราะถึงวันหยุดทีไรจะเห็นคุณศุภจีเข้าวัดนั่งสมาธิมากกว่า ดังนั้นการที่คุณศุภจีจะทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในช่วงเวลาสั้นๆ 4-6 เดือนจากนี้ แต่ถือเป็นช่วงเวลาที่จะได้แสดงผลงานออกมาอย่างเต็มที่และผู้คนคอยจับตามอง เชื่อว่าจะทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ถือเป็นความภาคภูมิใจที่บุคคลากรของดุสิตธานีได้ทำงานเพื่อประเทศชาติในครั้งนี้ และหลังสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่นี้ลง ทางดุสิตธานีพร้อมต้อนรับคุณศุภจีกลับมาทำงานต่อ” นายชนินทธ์ กล่าว


นายชนินทธ์ กล่าวต่อว่า กำไรที่แท้จริงของดุสิตธานีไม่ได้อยู่แค่ในงบการเงินแต่คือ "แบรนด์-คน-การลงทุนระยะยาว" วันนี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากตลอด 10 ปีที่ผ่านมากับการลงทุนครั้งใหญ่ กับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เพื่อการเติบโตระยะยาว กับการลงทุนในโครงการ Dusit Central Park มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท แม้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาจะไม่มีปันผล และยังมีขาดทุนสะสมกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ตัวเลขรายได้รายได้เติบโตขึ้น 2 เท่าในปี 2567 มีรายได้ 11,204 ล้านบาท

ในปี 2559 จะเป็นจุดเปลี่ยนที่กำลังจะมา จากความสำเร็จของ โครงการ Dusit Central Park ที่ขายแล้ว 90% เตรียมโอนกว่า16,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้จริงตั้งแต่ปลายปีนี้ ดังนั้นในปีหน้าดุสิตธานีจะกลับมามีรายได้และลบขาดทุนสะสมได้หมด

อย่างไรก็ตามนายชนินทธ์ ได้กล่าวถึง ปมความขัดแย้งภายในที่เกิดขึ้นด้วยว่า วันนี้ไม่อยากให้โฟกัสเรื่องดังกล่าว แต่มั่นใจได้ว่าจะมีทางออกที่น่าพอใจ เพราะมีความพยายามพูดคุยหาทางออกกันทุกวันอยู่แล้ว และภายในวันที่ 26 ก.ย. นี้ ซึ่งเป็นวันประชุมผู้ถือหุ้น จะมีผลสรุปออกมาแน่นอน


ด้านนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก และสามารถทำให้ดุสิตธานีเป็นหมุดหมายที่สำคัญของประเทศไทยจากนักเดินทางทั่วทุกมุมโลก พร้อมกันนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงาน ทั้งผู้ถือหุ้น กรรมการบริษัท ผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า และคู่ค้าของดุสิตธานี ที่ร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันวิกฤติรวมทั้งปัจจัยท้าทายจนทำให้แบรนด์ “ดุสิตธานี” เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สง่างาม และน่าภาคภูมิใจ

สำหรับการดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้ จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากแผนงานเดิมที่ได้ถูกวางรากฐานไว้อย่างมั่นคงตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” (Dusit Central Park) มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ที่จะเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ ด้วยทีมบุคลากรที่มีคุณภาพของกลุ่มดุสิตธานีที่ยังคงทุ่มเททำงานอย่างเต็มกำลังเหมือนที่ผ่านมา


ดังนั้น ขอให้ผู้ลงทุน ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง มั่นใจและเชื่อมั่นในสิ่งที่ “ดุสิตธานี” ดำเนินการมาโดยตลอด ทั้งนี้อยากให้ทุกคนมั่นใจว่า สิ่งที่ถูกส่งต่อและวางไว้บนมือของผู้บริหารและพนักงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้ คือ การเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของดุสิตธานี บนรากฐานที่มั่นคง ที่ดิฉันและทีมดุสิตธานีทุกคนร่วมกันสร้างไว้ และนี่คือ สิ่งที่เราพยายามทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา นั่นคือ ไม่ว่าจะเผชิญกับปัจจัยท้าทาย หรือความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ยังเชื่อมั่นได้ว่า ทั้งโครงสร้างองค์กร โครงสร้างธุรกิจ และโครงสร้างทางการเงินของกลุ่มดุสิตธานี จะรองรับกับทุกความเปลี่ยนแปลงนั้นได้เป็นอย่างมั่นคง

“การทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นโยบายหรือแผนการทำงาน เบื้องต้นยังไม่สามารถพูดได้ ต้องขอเข้าประชุมรับนโยบายออกมาก่อน แต่ตนในฐานะคนทำงานภาคเอกชน เชื่อว่าจะเข้าไปทำงาน และนำเสนอในมุมของภาคเอกชนได้ ทั้งนี้ดิฉันขอขอบคุณคุณชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ ที่ให้โอกาสและมอบหมายให้ทำภารกิจสำคัญจนลุล่วง รวมถึงยินดีและเต็มใจที่จะให้ดิฉันมีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถในการรับใช้ประเทศชาติและประชาชน และดิฉันเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ดุสิตธานีจะสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในฐานะแบรนด์ไทยในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน” นางศุภจีกล่าว.




















กำลังโหลดความคิดเห็น