ดีป้า เผยอุตฯ ดิจิทัลไทย ปี 67 ขยายตัวแรง 23.35% มูลค่ารวมกว่า 2.4 ล้านล้านบาท ระบุอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะเติบโตสูงสุด 26.6%
พร้อมชี้ทางเลือกระหว่างสองขั้วอำนาจโลก เปิดโอกาสดิจิทัลไทยก้าวไกล
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568, กรุงเทพมหานคร - ดีป้า ร่วมกับ สถาบันไอเอ็มซี เผยผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัล ประจำปี 2567 และคาดการณ์แนวโน้ม 3 ปี ระบุภาพรวมอุตสาหกรรมขยายตัวถึง 23.35% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 2.496 ล้านล้านบาท โดยอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะขยายตัวสูงสุดที่ 26.6% พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา และชี้โอกาสของอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยท่ามกลางการแข่งขันระหว่างสองขั้วอำนาจโลก
นางสาวกษมา กองสมัคร รักษาการรองผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มงานยุทธศาสตร์และความมั่นคง
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า การสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลดำเนินการร่วมกันระหว่าง ดีป้า และ สถาบันไอเอ็มซี โดยมุ่งเน้นไปที่ 4 อุตสาหกรรมหลัก ประกอบด้วย อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ (Software) อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ (Hardware and Smart Devices) อุตสาหกรรมบริการดิจิทัล (Digital Services) และอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) โดยการสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัล ประจำปี 2567 พบว่า ภาพรวมขยายตัวจากปีก่อนหน้าถึง 23.35% มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 2,496,760 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมที่ขยายตัวสูงที่สุดคือ อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะที่มีอัตราการเติบโต 26.62% มีมูลค่า 1,845,027 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมบริการดิจิทัล เติบโต 19.54% มีมูลค่า 367,738 ล้านบาท อุตสาหกรรมดิจิทัล
คอนเทนต์ เติบโต 14.41% มีมูลค่า 50,609 ล้านบาท อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เติบโต 8.46%
มีมูลค่า 233,386 ล้านบาท
ในส่วนของบุคลากรดิจิทัลในภาพรวมยังคงเติบโต โดยการสำรวจพบว่าอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์มีบุคลากรเพิ่มขึ้นถึง 23.77% มีจำนวน 175,254 คน ขณะที่อุตสาหกรรมบริการดิจิทัลมีบุคลากร 86,177 คน เติบโต 6.23% อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะมีบุคลากร 305,875 คน ลดลง 5.05% โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติมากขึ้น
สำหรับคาดการณ์แนวโน้ม 3 ปี (2568-2570) พบว่า อุตสาหกรรมบริการดิจิทัลจะมีอัตราการเติบโตสูงสุด ประมาณ 10 - 14% ต่อปี รองลงมาคือ อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยจะเติบโตต่อเนื่อง 6 - 7% ต่อปี ขณะที่อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์จะเติบโตประมาณ 4 - 6% ต่อปี และอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์จะเติบโตประมาณ 1 - 5% ต่อปี พร้อมกันนี้ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า ปี 2570 ทั้ง 4 อุตสาหกรรม
จะมีมูลค่ารวมเฉลี่ย 3 ล้านล้านบาท ซึ่งการเติบโตดังกล่าวสอดคล้องกับทิศทางขาขึ้นของเทคโนโลยีใหม่
ที่สร้างความตื่นตัวในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุน
ให้เกิดความต้องการซื้อที่สูงขึ้น
รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี และผู้จัดการโครงการฯ ร่วมกับ
นายศุภชัย สัจไพบูลย์กิจ นักวิจัยโครงการ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมที่ขยายตัวสูงที่สุดในปี 2567
คือ อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 26.62% และมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1,845,027 ล้านบาท เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก และความต้องการอุปกรณ์อัจฉริยะ
ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการนำเข้าอุปกรณ์อัจฉริยะที่มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 34.40% คิดเป็นมูลค่า 624,099 ล้านบาท ขณะที่การส่งออกเติบโต 23% มีมูลค่า 1,220,928 ล้านบาท
สำหรับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ แม้จะมีอัตราการเติบโตไม่สูงมากที่ 8.46% แต่มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 233,386 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ซอฟต์แวร์ มีมูลค่า 88,129 ล้านบาท เติบโต 8.26% ขณะที่บริการซอฟต์แวร์
มีมูลค่า 145,257 ล้านบาท เติบโต 8.57% ทั้งนี้ ปี 2567 ซอฟต์แวร์ที่ผลิตใช้ในประเทศไทยมีมูลค่า 172,822 ล้านบาท เติบโต 8.38% ขณะที่การส่งออกมีมูลค่า 2,625 ล้านบาท ขยายตัว 8.80% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 57,939 ล้านบาท ขยายตัว 8.68%
อุตสาหกรรมบริการดิจิทัลปี 2567 มีมูลค่ารวม 367,738 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 19.54% มีปัจจัยหนุนมาจากความต้องการใช้บริการดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริการ e-Retail ที่มีมูลค่า 117,107 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 46.29% ส่วนบริการ e-Logistics มีมูลค่า 108,693 ล้านบาท เติบโต 17.60%
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการวิเคราะห์ผลกระทบของการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาต่ออุตสาหกรรมดิจิทัลไทยในประเด็นที่อาจส่งผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบต่อการส่งออกและนำเข้าสินค้าดิจิทัลของไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก พร้อมกันนี้ยังมีการบรรยายพิเศษโดย นายปฐม อินทโรดม กรรมการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
แห่งประเทศไทย ในหัวข้อ “มองเกมให้ขาด: ทางเลือกระหว่างสองขั้วอำนาจกับโอกาสของดิจิทัลไทย”
โดยชี้ให้เห็นถึงโอกาสของไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลท่ามกลางการแข่งขันทางเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการปรับตัวของอุตสาหกรรมไทยเพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น
“ดีป้า และหน่วยร่วมดำเนินการหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัล ประจำปี 2567 และคาดการณ์แนวโน้ม 3 ปีจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลของรัฐบาลในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อีกทั้งจะเป็น
ส่วนสำคัญเพื่อประกอบการตัดสินใจวางแผนธุรกิจของภาคเอกชนอีกด้วย” รักษาการรองผู้อำนวยการใหญ่
ดีป้า กล่าว