กพท.เผยผลประเมิน ICAO ได้คะแนน Preliminary 91.35% สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบ 20% ในฐานะผู้กำกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยการบินพลเรือน ส่วนภาพรวมประเทศไทยได้เต็ม 100% ถึง 2 ด้าน”กฎหมายการบิน และองค์กรกำกับดูแล” มั่นใจความแข็งแกร่งการบินในระดับสากล
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT เปิดเผยว่า จากที่คณะผู้ตรวจสอบ ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ได้เข้าตรวจสอบระบบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบินพลเรือน ภายใต้โครงการ USOAP CMA (Universal Safety Oversight Audit Programme – Continuous Monitoring Approach) ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม – 8 กันยายน 2568 ผลการตรวจสอบเบื้องต้น (Preliminary Results) เฉพาะในด้านที่ CAAT รับผิดชอบโดยตรง ได้แก่ กฎหมาย องค์กรกำกับดูแล การปฏิบัติการบิน ความสมควรเดินอากาศ การออกใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่ การบริการการเดินอากาศ และสนามบิน มีคะแนน Preliminary สูงถึง 91.35% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 70.50% ถึงเกือบ 20% ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของระบบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบินของประเทศ
นอกจากนี้ ประเทศไทยสามารถทำคะแนน เต็ม 100% ได้ถึง 2 ด้าน ได้แก่ กฎหมายการบิน (LEG) และ องค์กรกำกับดูแล (ORG) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกกว่า 20–30% ถือเป็นหลักฐานชัดเจนว่าประเทศไทยมีระบบกฎหมายการบินที่ทันสมัย ครอบคลุม และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึงมีองค์กรกำกับดูแลด้านการบินที่มีโครงสร้างและการดำเนินงานเข้มแข็ง ทัดเทียมกับประเทศผู้นำด้านการบินของโลก
สำหรับหัวข้อการตรวจสอบของ ICAO ภายใต้โครงการ USOAP CMA ครอบคลุมทั้ง 8 ด้านหลัก ได้แก่ 1. ด้านกฎหมาย (Primary Aviation Legislation and Civil Aviation Regulations: LEG)
2. ด้านองค์กรกำกับดูแล (Civil Aviation Organization: ORG)
3. ด้านมาตรฐานผู้ประจำหน้าที่ (Personnel Licensing: PEL)
4. ด้านมาตรฐานปฏิบัติการอากาศยาน (Aircraft Operations: OPS)
5. ด้านมาตรฐานความสมควรเดินอากาศของอากาศยาน (Airworthiness of Aircraft: AIR)
6. ด้านมาตรฐานการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์อากาศยาน (Aircraft Accident and Incident Investigation: AIG)
7. ด้านมาตรฐานการบริการการเดินอากาศ (Air Navigation Services: ANS)
8. ด้านมาตรฐานสนามบินและเครื่องช่วยในการเดินอากาศ (Aerodromes and Ground Aids: AGA)
ซึ่งการก้าวสู่ความสำเร็จในครั้งนี้นับเป็นพัฒนาการสำคัญ หากย้อนกลับไปในปี 2558 ประเทศไทยเคยถูก ICAO ตรวจพบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญ (SSC) ถึง 33 ข้อ ส่งผลให้ถูกติด “ธงแดง” และมีคะแนน EI เพียง 33.53% แต่หลังจากการปฏิรูปองค์กรและการจัดตั้ง CAAT ประเทศไทยสามารถเร่งแก้ไขข้อบกพร่องจนสามารถปลดธงแดงได้ในปี 2560 และพัฒนาคะแนนอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งผล Preliminary ล่าสุดที่ 91.35% แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยไม่เพียงแต่ก้าวพ้นวิกฤต แต่ยังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนมีระบบกำกับดูแลที่แข็งแรงและน่าเชื่อถือในสายตาสากล
พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลการตรวจสอบ และคะแนน Preliminary ที่ออกมาในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความทุ่มเทของบุคลากรทุกฝ่ายในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการบินของไทยให้ทัดเทียมระดับสากล การทำคะแนนได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบ 20% เป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนถึงความก้าวหน้าของประเทศไทย ทั้งในด้านกฎหมาย องค์กร และระบบ oversight ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ขณะนี้เรารอเพียงผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ (Final Results) ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของประเทศไทยในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านความปลอดภัยการบินของโลก
“CAAT ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาและยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยนี้ และความสำเร็จครั้งนี้ เป็นความร่วมมือของ CAAT และทุกภาคส่วน ทั้งบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ,บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กรมท่าอากาศยาน สถาบันการบินพลเรือน สายการบิน และหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องทุกแห่ง ซึ่งร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนภารกิจนี้ให้สำเร็จ และเป็นสิ่งที่มั่นใจว่าจะทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือของภูมิภาคและของโลก”
อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจสอบครั้งนี้ จึงไม่เพียงเป็นการยืนยันถึงความเชื่อมั่นที่ประชาคมการบินโลกมีต่อประเทศไทย แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการบินไทยในระยะยาว ทั้งในด้านการรองรับการเติบโตของสายการบิน การขยายเส้นทางบิน และการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสาร นักลงทุน และคู่ค้าระดับนานาชาติ โดยประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการบินที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในภูมิภาคและในเวทีโลก