xs
xsm
sm
md
lg

T-VER หนึ่งในฟันเฟืองช่วยลดโลกร้อน สู่ความยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกของเราต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในด้านสภาพภูมิกาศอย่างรุนแรง บางพื้นที่ไม่เคยถูกน้ำท่วมมาก่อนกลับประสบกับอุทกภัยที่มาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว และพบการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศทั่วโลก ซึ่งสัญญาณเหล่านี้ใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อย ๆ และส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ตลอดจนคุณภาพชีวิตของมนุษย์ทั่วโลก วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้หลายประเทศกำหนดมาตรการเพื่อควบคุมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในหลากหลายวิธี สำหรับในประเทศไทยได้เดินหน้าเรื่องสภาพอากาศอย่างจริงจัง โดยจัดทำร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ พ.ร.บ. โลกร้อน เพื่อกำหนดมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นระบบ

หนึ่งกลไกสำคัญในระดับโลกที่ถูกนำมาใช้ในการช่วยดูแลสภาพภูมิอากาศ คือ “ตลาดคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Market Mechanism)” ที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน โดยสร้างระบบชดเชยคาร์บอนเพื่อให้ผู้ปล่อยก๊าซฯ สามารถลงทุนในโครงการลดก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง สำหรับประเทศไทย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ได้พัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนสังคม และเศรษฐกิจสีเขียวสู่ความยั่งยืน


T-VER สร้างแรงจูงใจช่วยโลกลดก๊าซเรือนกระจก

ปัจจุบันมาตรการคาร์บอนเครดิตถูกนำมากำหนดเป็นมาตรการหนึ่งในการนำเข้าสินค้าของหลายภูมิภาค ขณะที่อุตสาหกรรมบางประเภทไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยการชดเชยผ่านการซื้อคาร์บอนเครดิตจากผู้ที่สามารถลดก๊าซฯ ได้ ซึ่งโครงการ T-VER เป็นโครงการภาคสมัครใจ เปิดกว้างสำหรับประชาชนทั่วไปรวมถึงองค์กรรัฐและเอกชนที่มีโครงการที่ลดก๊าซเรือนกระจกได้จริง โดยองค์การที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ได้ ต้องมีงานที่เป็นกิจกรรมที่ยังไม่เริ่มดำเนินการหรือมีวันเริ่มกิจกรรมย้อนหลังไม่เกิน 3 ปี หรือวางแผนจะเริ่มดำเนินการภายใน 2 ปี โดยกิจกรรม ที่ผ่านการรับรองจาก อบก. จะได้รับคาร์บอนเครดิต นอกจากสะท้อนถึงความตั้งใจในการดูแลสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสามารถนำไปขายเพื่อสร้างรายได้ใน ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ และสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ร่วมขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของ T-VER ที่ต้องการสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนและพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิตไทยให้เติบโตและยั่งยืน

กฟผ. ร่วมผลักดันพลังงานสะอาด ช่วยลดโลกร้อนด้วย T-VER




การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการรักษาความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้ามาโดยตลอด และได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการที่ได้รับการรับรองภายใต้ T-VER ตั้งแต่ปี 2557 ปัจจุบัน มีโครงการที่เข้าร่วมและได้รับการรับรองหลากหลายรูปแบบ อาทิ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน จากโครงการโรงไฟฟ้าบางปะกงทดแทน ชุดที่ 1-2 ที่เน้นปรับปรุงและพัฒนาโรงไฟฟ้าด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โครงการเปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลอด LED เพื่อส่งเสริมการลดใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โครงการพัฒนาพลังงานทดแทน ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนชลประทาน เช่น เขื่อนนเรศวร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนคลองตรอน ฯลฯ โรงไฟฟ้าพลังงานลม เช่น โรงไฟฟ้ากังหันลมลำตะคอง และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) เช่น เขื่อนสิรินธร และเขื่อนอุบลรัตน์ เพื่อเพิ่มสัดส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดย ณ ขณะนี้ กฟผ. มีคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองแล้วกว่า 940,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า พร้อมที่จะจัดจำหน่ายให้กับองค์กรภายในประเทศทั้งภาครัฐ เอกชนและชุมชน เพื่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการที่สามารถลดหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเป็นรูปธรรม




ในอนาคต กฟผ. ยังมีแผนนำพื้นที่จากโครงการปกปักษ์รักษาป่าใน 17 พื้นที่เขื่อนและโรงไฟฟ้าของ กฟผ. รวมกว่า 20,000 ไร่ จากโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ที่ กฟผ. เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบขึ้นทะเบียนเป็นโครงการ T-VER ด้วย ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสร้างแหล่งดูดซับคาร์บอนในระยะยาวให้กับประเทศ

กฟผ. ในฐานะผู้นำด้านพลังงาน และเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการ T-VER ร่วมส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด พลังงานหมุนเวียน การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน และการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ เล็งเห็นว่า T-VER เปรียบเสมือนฟันเฟืองสำคัญที่เชื่อมโยง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม เข้าไว้ด้วยกัน ไม่เพียงตอบโจทย์นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ที่จะนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาอย่างสมดุลและยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับภาคเอกชนหรือหน่วยงานที่ต้องการจะใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ แต่การดำเนินโครงการด้วยตนเองยังไม่ตอบโจทย์ สามารถติดต่อ กฟผ. เพื่อซื้อ-ขาย คาร์บอนเครดิตได้ที่ กองบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ฝ่ายสิ่งแวดล้อมโครงการ โทรศัพท์ 0-2436-0846
กำลังโหลดความคิดเห็น