“จตุพร” เผยการค้าโลกปัจจุบันไม่เหมือนเดิม จากความท้าทายสงครามการค้า กฎกติกาการค้าที่เปลี่ยนไป ยันเกาะติดใกล้ชิด พร้อมทำแผนรับมือ เน้นเดินหน้านโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” ดูแลเกษตรกร ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ ลั่นต้องทำตัวเป็นมาเฟียที่ปกป้องและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย พร้อมเร่งส่งเสริมการใช้ประโยชน์จาก FTA ลุยเจรจา FTA ใหม่ให้สำเร็จ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า โลกการค้าในปัจจุบันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เนื่องจากเผชิญปัญหาจากประเทศคู่ค้าสำคัญ ทั้งที่เป็นอุปสรรคและความท้าทายจากสงครามการค้า กฎกติกาการค้าที่ไม่เหมือนเดิม หรือปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนความผันผวนของค่าเงิน ล้วนเป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการไทยต้องวางแผนและปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรอบคอบ จึงต้องพลิก “วิกฤต” ให้กลายเป็น “โอกาส” และเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนในเวทีการค้าโลก
ทั้งนี้ จากที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ สถานการณ์นี้ต้องอาศัยทีมที่เข้มแข็งและมองภาพรวมอย่างรอบด้าน ทั้งมิติตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ในฐานะที่กระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่กำกับดูแลทั้งการค้าภายในประเทศและการส่งออก จะติดตามสถานการณ์การค้าอย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนรับมือหากเกิดผลกระทบ ตลอดจนจะมีมาตรการรองรับและแก้ไขปัญหา เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจ ฟื้นความเชื่อมั่น สร้างโอกาสใหม่ให้ทุกภาคส่วนได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะมุ่งมั่นดูแลและสนับสนุนทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจการค้าของไทย ด้วยการเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” มุ่งดูแลและตอบสนองต่อปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำให้แก่เกษตรกร ผู้บริโภค ผู้ประกอบการทุกระดับ โดยเฉพาะ SME โดยจะบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมในทุกมิติ สร้างเศรษฐกิจเป็นธรรม และก้าวทันสถานการณ์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์ต้องทำตัวเหมือนมาเฟีย แต่เป็นมาเฟียที่ปกป้องและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการทำการค้า เสริมความเชื่อมั่น และเปิดโอกาสใหม่ให้ทุกภาคส่วน” นายจตุพรกล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนและเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จาก FTA ที่ไทยได้ทำไว้กับหลายประเทศในปัจจุบันกว่า 14 ฉบับ และที่จะมีผลบังคับใช้ในปีหน้าอีก 3 ฉบับอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเร่งเจรจา FTA กับประเทศและกลุ่มประเทศเป้าหมายใหม่ๆ ให้สำเร็จโดยเร็ว รวมถึงพัฒนากรอบ FTA ที่มีอยู่ให้ทันสมัย เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และรูปแบบการค้าในอนาคต เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งบนเวทีการค้าโลกอย่างยั่งยืน