xs
xsm
sm
md
lg

กรมพัฒน์ เพิ่มพูนความรู้หลักประกันธุรกิจเจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส. หวังช่วย SME เข้าถึงแหล่งทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่เจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับ SME ที่นำหลักประกันมาใช้ขอสินเชื่อ พร้อมแนะนำระบบจดทะเบียนแบบใหม่ ที่จะช่วยยกระดับการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่เจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากกรมร่วมถ่ายทอดเนื้อหาครอบคลุมทั้งในเชิงกฎหมายและเชิงปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียน การแก้ไข หรือการยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ รวมถึงการบันทึกข้อมูลประเภททรัพย์สินหลากหลายประเภท เช่น สิทธิเรียกร้อง สินค้าคงคลัง เครื่องจักร ไปจนถึงทรัพย์สินทางปัญญาและไม้ยืนต้น

ทั้งนี้ ระบบหลักประกันทางธุรกิจ เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการนำทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจมาใช้เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อ โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สินกับสถาบันการเงินที่เป็นผู้รับหลักประกัน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ประกอบกิจการต่อไปได้


สำหรับการจัดอบรมในครั้งนี้ ยังเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับ ธ.ก.ส. ในการใช้งานระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบ Host to Host ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อระบบสารสนเทศโดยตรงระหว่างกรมกับธนาคาร ซึ่งโดยปกติแล้ว การจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ผู้ใช้งานต้องเข้าไปกรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของกรม (Web Application) ซึ่งเหมาะสำหรับปริมาณธุรกรรมจำนวนไม่มาก แต่สำหรับสถาบันการเงินหรือองค์กรที่มีการทำธุรกรรมหลักประกันทางธุรกิจจำนวนมมากในแต่ละวัน การกรอกข้อมูลทีละรายการผ่านเว็บไซต์อาจใช้เวลานานและไม่สะดวก ระบบ Host to Host จึงเข้ามาแก้ปัญหานี้

โดยระบบ Host to Host จึงเป็นช่องทางที่ทำให้การรับ-ส่งข้อมูล ระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ของทั้งสองหน่วยงานเกิดขึ้นโดยตรงและอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว และความปลอดภัยในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกรรมที่มีปริมาณมาก โดยคาดว่าจะเสร็จภายในปี 2568

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2559-30 มิ.ย.2568) มียอดจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจสะสมกว่า 883,387 สัญญา คิดเป็นวงเงินรวม 20.45 ล้านล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของระบบในการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับภาคธุรกิจของประเทศ

อย่างไรก็ตาม กรม และ ธ.ก.ส. ยังมีแผนขยายความร่วมมือด้านวิชาการ การจัดทำคู่มือแนวปฏิบัติร่วม รวมถึงการพัฒนาช่องทางเผยแพร่ความรู้แก่สาธารณชน เพื่อให้ระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น