กฟผ.ติดตามสถานการณ์พายุ “วิภา” อย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งการดูแลระบบผลิตและส่งไฟฟ้าให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนเขื่อนใหญ่ กฟผ.ยังสามารถรับน้ำได้อีก ขณะที่เขื่อนสิริกิติ์ปรับลดการระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เผยจากอิทธิพลของพายุ “วิภา” ซึ่งขึ้นฝั่งบริเวณเมืองท้ายบิ่ญ ประเทศเวียดนามเมื่อวานนี้ (22 กรกฎาคม 2568) ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 22-24 กรกฎาคม 2568 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออกของไทย มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
กฟผ.ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้า และสถานการณ์น้ำในเขื่อนของ กฟผ.ทั่วประเทศ โดยสั่งการควบคุมดูแลระบบผลิตและส่งไฟฟ้าในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง เพื่อให้การส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมจัดเตรียมมาตรการรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ คาดว่าจะได้รับอิทธิพลจากพายุฯ มากที่สุด ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำอยู่ที่ 6,004 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 63 ของความจุอ่าง สามารถรับน้ำได้อีก 3,506 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 37 โดยในช่วงวันที่ 22-24 กรกฎาคม 2568 เขื่อนสิริกิติ์ได้ปรับแผนลดการระบายน้ำลงจาก 15 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านท้ายน้ำที่คาดว่าจะได้รับอิทธิพลจากพายุฯ เช่นเดียวกัน จากนั้นเมื่อปริมาณฝนลดลงจะปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นเป็นวันละ 15 ล้านลูกบาศก์เมตรในช่วงวันที่ 25-27 กรกฎาคม 2568 ต่อไป
ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ต่างๆ ของ กฟผ. ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำอยู่ที่ 38,659 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 63 ของความจุอ่าง สามารถรับน้ำได้อีก 22,818 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 37 ซึ่งยังอยู่ในระดับการควบคุมและมีศักยภาพในการรองรับน้ำได้อีก