“ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์” ยืนยันค่าไฟฟ้าเอฟทีงวดใหม่ลดลงแน่นอน เพราะต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง พร้อมสั่งปรับศึกษาปรับสูตรค่าไฟฟ้าฐานใหม่ หลังจาก กฟผ.ไม่ได้แปรรูป ย้ำประมูลไอพีพี 30 มิ.ย.นี้ ขณะที่ ปตท.พร้อมร่วมรับภาระลดดอกเบี้ยก๊าซฯ ค้างจ่าย 6,000 ล้านบาท
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ กระทรวงพลังงานจะออกประกาศเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าไอพีพี 3,200 เมกะวัตต์ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้กำหนดเชื้อเพลิง แต่คาดว่ารอบนี้จะเป็นก๊าซธรรมชาติทั้งหมด โดยบริษัทในเครือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้ง บมจ.ผลิตไฟฟ้า (เอ็กโก้) และ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง สามารถเข้าร่วมประมูลได้ เนื่องจากในเงื่อนไขกำหนดเพียงห้ามรัฐวิสาหกิจและบริษัทที่ กฟผ. ถือหุ้นเกินร้อยละ 50 เข้าร่วมประมูล และเพื่อความโปร่งใสของการประมูล คณะกรรมการคัดเลือกก็คงจะไม่มีการแต่งตั้งผู้มีส่วนได้เสียในบริษัทในเครือ กฟผ. เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย
นายปิยสวัสดิ์ ย้ำด้วยว่า ในส่วนค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดนี้ (มิ.ย.-ก.ย.) ค่าไฟฟ้าจะปรับลดลงแน่นอน ตามอัตราต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง แต่จะเป็นเท่าใด ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอนุกรรมการค่าไฟฟ้าเอฟที ที่ประชุมในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะลดได้ในอัตราสูงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอนุกรรมการฯ จะตัดสินใช้หนี้ค่าก๊าซฯ ปตท. 6,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเท่าใด ระหว่าง 4 หรือ 8 เดือนข้างหน้า ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าฐานที่จะมีการปรับเปลี่ยนทุก 3-5 ปี ในขณะนี้ได้มีการตั้ง คณะกรรมการฯ ขึ้นมาศึกษาว่าจะปรับสูตรจากปัจจุบันได้ใช้อ้างอิงผลตอบแทนการลงทุน (อาร์โอไอซี) เป็นรูปแบบอื่นดีหรือไม่ เพราะการกำหนด อาร์โอไอซี ที่ให้ กฟผ.ได้ประมาณร้อยละ 8 เกิดจากเงื่อนไข กฟผ. จะกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่เมื่อปัจจุบันไม่ได้กระจายหุ้น ก็ต้องหาสูตรที่เหมาะสม เป็นธรรมต่อผู้บริโภค
ทั้งนี้ หากพิจารณาแล้วพบว่า กฟผ.จำเป็นต้องใช้เงินสำหรับการลงทุนในอนาคต เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานแก่ประเทศ ควบคู่กับการปรับการทำงานให้ได้ประสิทธิภาพที่ดี ไม่สร้างภาระต่อค่าไฟฟ้า ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า อาจจะใช้สูตรอาร์โอไอซี ต่อไปก็ได้ ซึ่งการศึกษาว่าจะใช้รูปแบบไหน จะพิจารณาเสร็จสิ้นในรัฐบาลชุดนี้
ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คณะทำงานพิจารณาแนวทางการใช้หนี้ก๊าซฯ อยู่ในระหว่างการหาข้อสรุป ซึ่งหากลดดอกเบี้ยจากร้อยละ 6.77 เหลือร้อยละ 6 ปตท. ก็ร่วมรับผิดชอบได้ เพระเป็นวงเงินที่น้อยมาก และการที่เร่งใช้หนี้ค่าก๊าซฯ ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้ไม่ต้องมีภาระดอกเบี้ยในอัตราสูง จากเดิมที่จะมีการใช้หนี้ในช่วง 4-5 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อเสนอของการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าในงวดนี้ จะพิจารณาจากฐานการใช้หนี้ค่าก๊าซฯ ซึ่งในส่วนการใช้หนี้ให้หมดใน 8 เดือน ค่าไฟฟ้าจะลดลง 3-5 สตางค์/หน่วย และในกรณีใช้หนี้ค่าก๊าซฯ หมดใน 8 เดือน ค่าไฟฟ้าจะลดลง 8-9 สตางค์/หน่วย อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดว่าอนุกรรมการฯ คงจะพิจารณาแนวทางแรก เพราะหากใช้แนวทางหลัง ก็อาจจะมีผลทำให้ต้องปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเอฟทีงวดหน้าไม่ต่ำกว่า 9 สตางค์/หน่วย เพราะค่าไฟฟ้างวดนี้ ปัจจัยหลักที่ลดลงมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจาก 37 บาท มาอยู่ที่ 34.50-35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ท่อก๊าซเส้นที่ 3 และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี 2 เข้าระบบหมดแล้ว ซึ่งเป็นที่คาดว่า งวดหน้าค่าเงินบาทจะไม่เปลี่ยนแปลง และหากค่าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ค่าไฟฟ้าเอฟทีจะปรับสูงขึ้น อนุกรรมการฯ เอฟที จึงน่าจะเกลี่ยค่าไฟฟ้า 2 งวด ให้สมดุลกันมากกว่า
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ กระทรวงพลังงานจะออกประกาศเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าไอพีพี 3,200 เมกะวัตต์ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้กำหนดเชื้อเพลิง แต่คาดว่ารอบนี้จะเป็นก๊าซธรรมชาติทั้งหมด โดยบริษัทในเครือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้ง บมจ.ผลิตไฟฟ้า (เอ็กโก้) และ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง สามารถเข้าร่วมประมูลได้ เนื่องจากในเงื่อนไขกำหนดเพียงห้ามรัฐวิสาหกิจและบริษัทที่ กฟผ. ถือหุ้นเกินร้อยละ 50 เข้าร่วมประมูล และเพื่อความโปร่งใสของการประมูล คณะกรรมการคัดเลือกก็คงจะไม่มีการแต่งตั้งผู้มีส่วนได้เสียในบริษัทในเครือ กฟผ. เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย
นายปิยสวัสดิ์ ย้ำด้วยว่า ในส่วนค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดนี้ (มิ.ย.-ก.ย.) ค่าไฟฟ้าจะปรับลดลงแน่นอน ตามอัตราต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง แต่จะเป็นเท่าใด ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอนุกรรมการค่าไฟฟ้าเอฟที ที่ประชุมในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะลดได้ในอัตราสูงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอนุกรรมการฯ จะตัดสินใช้หนี้ค่าก๊าซฯ ปตท. 6,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเท่าใด ระหว่าง 4 หรือ 8 เดือนข้างหน้า ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าฐานที่จะมีการปรับเปลี่ยนทุก 3-5 ปี ในขณะนี้ได้มีการตั้ง คณะกรรมการฯ ขึ้นมาศึกษาว่าจะปรับสูตรจากปัจจุบันได้ใช้อ้างอิงผลตอบแทนการลงทุน (อาร์โอไอซี) เป็นรูปแบบอื่นดีหรือไม่ เพราะการกำหนด อาร์โอไอซี ที่ให้ กฟผ.ได้ประมาณร้อยละ 8 เกิดจากเงื่อนไข กฟผ. จะกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่เมื่อปัจจุบันไม่ได้กระจายหุ้น ก็ต้องหาสูตรที่เหมาะสม เป็นธรรมต่อผู้บริโภค
ทั้งนี้ หากพิจารณาแล้วพบว่า กฟผ.จำเป็นต้องใช้เงินสำหรับการลงทุนในอนาคต เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานแก่ประเทศ ควบคู่กับการปรับการทำงานให้ได้ประสิทธิภาพที่ดี ไม่สร้างภาระต่อค่าไฟฟ้า ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า อาจจะใช้สูตรอาร์โอไอซี ต่อไปก็ได้ ซึ่งการศึกษาว่าจะใช้รูปแบบไหน จะพิจารณาเสร็จสิ้นในรัฐบาลชุดนี้
ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คณะทำงานพิจารณาแนวทางการใช้หนี้ก๊าซฯ อยู่ในระหว่างการหาข้อสรุป ซึ่งหากลดดอกเบี้ยจากร้อยละ 6.77 เหลือร้อยละ 6 ปตท. ก็ร่วมรับผิดชอบได้ เพระเป็นวงเงินที่น้อยมาก และการที่เร่งใช้หนี้ค่าก๊าซฯ ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้ไม่ต้องมีภาระดอกเบี้ยในอัตราสูง จากเดิมที่จะมีการใช้หนี้ในช่วง 4-5 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อเสนอของการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าในงวดนี้ จะพิจารณาจากฐานการใช้หนี้ค่าก๊าซฯ ซึ่งในส่วนการใช้หนี้ให้หมดใน 8 เดือน ค่าไฟฟ้าจะลดลง 3-5 สตางค์/หน่วย และในกรณีใช้หนี้ค่าก๊าซฯ หมดใน 8 เดือน ค่าไฟฟ้าจะลดลง 8-9 สตางค์/หน่วย อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดว่าอนุกรรมการฯ คงจะพิจารณาแนวทางแรก เพราะหากใช้แนวทางหลัง ก็อาจจะมีผลทำให้ต้องปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเอฟทีงวดหน้าไม่ต่ำกว่า 9 สตางค์/หน่วย เพราะค่าไฟฟ้างวดนี้ ปัจจัยหลักที่ลดลงมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจาก 37 บาท มาอยู่ที่ 34.50-35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ท่อก๊าซเส้นที่ 3 และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี 2 เข้าระบบหมดแล้ว ซึ่งเป็นที่คาดว่า งวดหน้าค่าเงินบาทจะไม่เปลี่ยนแปลง และหากค่าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ค่าไฟฟ้าเอฟทีจะปรับสูงขึ้น อนุกรรมการฯ เอฟที จึงน่าจะเกลี่ยค่าไฟฟ้า 2 งวด ให้สมดุลกันมากกว่า
