วุฒิศักดิ์ คลินิก มุ่งมั่นทำตลาด ควัก40 ล้านบาท เพิ่มเครื่องมือเสริมความสวย ตอบรับความงามโตดี เร่งเครื่องบุกขยายสาขาอีก 15 แห่ง หวังขยายอาณาจักรยึดพื้นที่ ท็อปทรีตลาดเวชสำอางถาวร
นายนิพนธ์ จึงเจริญสุขยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรม จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2550 บริษัทฯได้ทุ่มงบประมาณ 25-40 ล้านบาท เพื่อลงทุนในการนำเข้าอุปกรณ์เพื่อใช้ในการดูแลผิวพรรณเป็นการช่วยยกกระชับผิวหน้าให้ดูอ่อนวัยขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการติดตั้งในคลินิกทุกสาขาของบริษัทฯที่มีอยู่ เพื่อเป็นการเสริมบริการใหม่ๆให้กับลูกค้า
สำหรับการให้บริการที่ผ่านมา บริษัทฯพบว่า จำนวนกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการส่วนใหญ่จะเข้ามาปรึกษาและทำการรักษามาก ซึ่งบริษัทฯมองว่า การทำตลาดที่สมบูรณ์แบบด้วยการเสริมบริการใหม่ๆจะสามารถเติมเต็มความต้องการของตลาดในกลุ่มนี้ได้และยังเป็นจัวดึงดูดให้ลูกคาเก่าอยู่กับบริษัทนฯละสามารถขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ได้ด้วย
โดยเป้าหมายแรกบริษัทฯเตรียมที่ใช้จะเล่นกลยุทธ์ด้านราคาด้วยการจัดเก็บค่าใช้จ่ายอย่างต่ำประมาณ 10,000 บาท เข้ามาเป็นตัวเปิดตลาดก่อน ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล เมื่อเปรียบกับค่าใช้จ่ายคลินิกอื่นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าประมาณ 30,000-40,000 บาท ซึ่งถือว่าห่างกันค่อนข้างมาก ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีกำลังซื้อน้อยลง เรื่องราคาเป็นเรื่องสำคัญมาก
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาของ วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก เพิ่มอีก 10-15 แห่ง จากปัจจุบัน ซึ่งมีสาขาอยู่ทั้งสิ้น 25 สาขา เบื้องต้น คาดว่าใช้งบลงทุนประมาณ 10-12 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งการที่ขยายสาขาจำนวนมาก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ไม่ดีมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมาคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งผู้ที่เข้ามารับบริการส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง-บน
“การใช้จ่ายของลูกค้าไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ในทางกลับกันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 700-1,000 บาทต่อคนต่อครั้ง จากปี 2549 ที่คนไข้จะใช้จ่ายประมาณ 500 บาทต่อคนต่อครั้งเท่านั้น และในปีนี้ เราวางงบในการทำตลาดและประชาสัมพันธ์ไว้ประมาณ 40 ล้านบาท โดยจะเน้นการประชาสัมพันธ์คลินิก ผ่านสื่อมากขึ้น เพื่อเป็นการแนะนำสถานที่ตั้งของคลินิก ให้คนไข้และผู้บริโภครู้จัก ซึ่งจะเริ่มออกอากาศในปลายไตรมาส 1”
สำหรับยอดรายได้ในปี 2549 บริษัทฯมีรายได้รวมประมาณ 700 ล้านบาท ในปีนี้ ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นอีก 20% หรือคิดเป็นจำนวนเม็ดเงินประมาณ 900 ล้านบาท และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มมากขึ้นอีกเป็น 45-50% จากปี 2549 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 40% โดยคลินิก ยังเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดธุรกิจเวชสำอาง
ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้บริษัทฯต้องมีการปรับทิศทางและเสริมบริการใหม่ๆพร้อมกับแผนการขยายสาขาเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบัน สภาพการแข่งขันและความต้องการตลาดจะจะเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันวิถีของชีวิตของผู้บริโภค มีทิศทางของการดูแลรักษาตัวเองเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพหรือกิจกรรมใดที่มีผลดีต่อร่างกายจะสามารถเติบโตได้อยู่อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเรื่องของสุขภาพผิวหน้าซึ่งในปัจจุบันนั้น การดูแลรักษารวมทั้งการเติบโตก็มีเพิ่มมากขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง สิ่งนั้นจึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทฯต้องมีการปรับทิศทางของการทำตลาดเชิงรุกเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการลูกค้าได้มากที่สุด
นายนิพนธ์ จึงเจริญสุขยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรม จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2550 บริษัทฯได้ทุ่มงบประมาณ 25-40 ล้านบาท เพื่อลงทุนในการนำเข้าอุปกรณ์เพื่อใช้ในการดูแลผิวพรรณเป็นการช่วยยกกระชับผิวหน้าให้ดูอ่อนวัยขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการติดตั้งในคลินิกทุกสาขาของบริษัทฯที่มีอยู่ เพื่อเป็นการเสริมบริการใหม่ๆให้กับลูกค้า
สำหรับการให้บริการที่ผ่านมา บริษัทฯพบว่า จำนวนกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการส่วนใหญ่จะเข้ามาปรึกษาและทำการรักษามาก ซึ่งบริษัทฯมองว่า การทำตลาดที่สมบูรณ์แบบด้วยการเสริมบริการใหม่ๆจะสามารถเติมเต็มความต้องการของตลาดในกลุ่มนี้ได้และยังเป็นจัวดึงดูดให้ลูกคาเก่าอยู่กับบริษัทนฯละสามารถขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ได้ด้วย
โดยเป้าหมายแรกบริษัทฯเตรียมที่ใช้จะเล่นกลยุทธ์ด้านราคาด้วยการจัดเก็บค่าใช้จ่ายอย่างต่ำประมาณ 10,000 บาท เข้ามาเป็นตัวเปิดตลาดก่อน ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล เมื่อเปรียบกับค่าใช้จ่ายคลินิกอื่นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าประมาณ 30,000-40,000 บาท ซึ่งถือว่าห่างกันค่อนข้างมาก ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีกำลังซื้อน้อยลง เรื่องราคาเป็นเรื่องสำคัญมาก
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาของ วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก เพิ่มอีก 10-15 แห่ง จากปัจจุบัน ซึ่งมีสาขาอยู่ทั้งสิ้น 25 สาขา เบื้องต้น คาดว่าใช้งบลงทุนประมาณ 10-12 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งการที่ขยายสาขาจำนวนมาก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ไม่ดีมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมาคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งผู้ที่เข้ามารับบริการส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง-บน
“การใช้จ่ายของลูกค้าไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ในทางกลับกันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 700-1,000 บาทต่อคนต่อครั้ง จากปี 2549 ที่คนไข้จะใช้จ่ายประมาณ 500 บาทต่อคนต่อครั้งเท่านั้น และในปีนี้ เราวางงบในการทำตลาดและประชาสัมพันธ์ไว้ประมาณ 40 ล้านบาท โดยจะเน้นการประชาสัมพันธ์คลินิก ผ่านสื่อมากขึ้น เพื่อเป็นการแนะนำสถานที่ตั้งของคลินิก ให้คนไข้และผู้บริโภครู้จัก ซึ่งจะเริ่มออกอากาศในปลายไตรมาส 1”
สำหรับยอดรายได้ในปี 2549 บริษัทฯมีรายได้รวมประมาณ 700 ล้านบาท ในปีนี้ ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นอีก 20% หรือคิดเป็นจำนวนเม็ดเงินประมาณ 900 ล้านบาท และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มมากขึ้นอีกเป็น 45-50% จากปี 2549 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 40% โดยคลินิก ยังเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดธุรกิจเวชสำอาง
ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้บริษัทฯต้องมีการปรับทิศทางและเสริมบริการใหม่ๆพร้อมกับแผนการขยายสาขาเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบัน สภาพการแข่งขันและความต้องการตลาดจะจะเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันวิถีของชีวิตของผู้บริโภค มีทิศทางของการดูแลรักษาตัวเองเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพหรือกิจกรรมใดที่มีผลดีต่อร่างกายจะสามารถเติบโตได้อยู่อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเรื่องของสุขภาพผิวหน้าซึ่งในปัจจุบันนั้น การดูแลรักษารวมทั้งการเติบโตก็มีเพิ่มมากขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง สิ่งนั้นจึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทฯต้องมีการปรับทิศทางของการทำตลาดเชิงรุกเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการลูกค้าได้มากที่สุด