กระทรวงพาณิชย์เตรียมจัดสัมมนาเรื่อง “การเตรียมการใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น” ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ หวังกระตุ้นให้นักลงทุนไทยเกิดความรู้ความเข้าใจภายใต้กรอบความร่วมมือยิ่งขึ้น ที่จะนำไปสู่การใช้ประโยชน์จากความตกลง JTEPA ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนกันยายน 2550
นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากการลงนามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ระหว่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2550 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ไปแล้วนั้น เพื่อให้เอกชนไทยได้ใช้ประโยชน์จากความตกลง JTEPA มากที่สุด กระทรวงพาณิชย์จึงได้กำหนดจัดสัมมนาเรื่อง “การเตรียมการใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น” โดยได้เชิญหน่วยงานจากภาครัฐและตัวแทนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสัมมนา เพื่อเตรียมความพร้อม และสร้างความรู้ความเข้าใจอันจะนำไปสู่การใช้ประโยชน์จากความตกลง JTEPA ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนกันยายน 2550 ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ การสัมมนาจะจัดขึ้นในวันที่ 18 พฤษภาคม 2550 ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องประมาณ 700 คน มีรายละเอียดการกำหนดการสัมมนา โดยในช่วงเช้า นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะมาบรรยายในเรื่องภาพรวมและประโยชน์ที่จะได้รับและรับฟังความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมสัมมนา และในช่วงบ่าย จะแบ่งกลุ่มสัมมนาเป็น 4 กลุ่มสินค้า ได้แก่ อาหารทะเล สิ่งทอและรองเท้า อัญมณี ปิโตรเคมี และพลาสติก เพื่อให้ความรู้รายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่ได้รับลดหย่อนจากญี่ปุ่น และกฎแหล่งกำเนิดสินค้า จึงขอเชิญชวน ผู้ผลิต ผู้ส่งออก ผู้ประกอบการ และผู้ที่สนใจติดต่อเพื่อขอลงทะเบียนเข้าร่วมรับฟังการสัมมนาดังกล่าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการส่งออก
อย่างไรก็ตาม เมื่อกรอบข้อตกลงมีผลบังคับใช้สินค้าและบริการจะได้รับประโยชน์ทันที รวมทั้งความร่วมมือระหว่างกัน โดยสินค้าที่ไทยได้ประโยชน์ทันทีจากการลดภาษีเหลือร้อยละ 0 หรือยกเลิกโควตา ซึ่งแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าอาหารทะเล สิ่งทอและรองเท้า อัญมณี ปิโตรเคมีและพลาสติก กลุ่มบริการ ที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ พ่อครัว-แม่ครัวไทย ซึ่งญี่ปุ่นจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านประสบการณ์และการออกใบอนุญาต ครูผู้ฝึกสอนสปา ผู้จัดการ ธุรกิจสปา และครูสอนภาษาไทย ความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่น 7 โครงการ ที่ได้มีการลงนาม ได้แก่ โครงการส่งเสริม การค้าการลงทุนภายใต้ “ครัวไทยสู่โลก” โครงการความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม สิ่งทอฯ อุตสาหกรรมเหล็ก โครงการสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ โครงการเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โครงการพัฒนาเศรษฐกิจ ในการสร้างมูลค่าเพิ่ม โครงการหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาครัฐและเอกชนซึ่งจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการไทยด้วย
นอกจากนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะจัดสัมมนาเชิงวิชาการเรื่อง “ก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียน : ผลประโยชน์และนัยต่อประเทศไทย” ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2550 ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น.ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และบุคคลที่สนใจ เข้าร่วมการสัมมนา เพื่อให้ทราบถึงทิศทางการก้าวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนและผลกระทบต่อประเทศไทย รวมทั้งความคืบหน้าการเจรจาอาเซียนกับคู่ค้าสำคัญๆ ได้แก่ อาเซียน-จีน อาเซียน-เกาหลี อาเซียน-อินเดีย อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ อาเซียน-สหภาพยุโรป ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจผลประโยชน์ของไทยในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจดังกล่าว ขณะเดียวกันก็รับฟังความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมสัมมนาเพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการเจรจาต่อไป โดยผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลการสัมมนาได้ที่ โทร.02-507-7555 หรือ 02-507-7222 หรือ www.dtn.go.th ได้วันเวลาราชการ
นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากการลงนามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ระหว่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2550 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ไปแล้วนั้น เพื่อให้เอกชนไทยได้ใช้ประโยชน์จากความตกลง JTEPA มากที่สุด กระทรวงพาณิชย์จึงได้กำหนดจัดสัมมนาเรื่อง “การเตรียมการใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น” โดยได้เชิญหน่วยงานจากภาครัฐและตัวแทนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสัมมนา เพื่อเตรียมความพร้อม และสร้างความรู้ความเข้าใจอันจะนำไปสู่การใช้ประโยชน์จากความตกลง JTEPA ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนกันยายน 2550 ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ การสัมมนาจะจัดขึ้นในวันที่ 18 พฤษภาคม 2550 ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องประมาณ 700 คน มีรายละเอียดการกำหนดการสัมมนา โดยในช่วงเช้า นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะมาบรรยายในเรื่องภาพรวมและประโยชน์ที่จะได้รับและรับฟังความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมสัมมนา และในช่วงบ่าย จะแบ่งกลุ่มสัมมนาเป็น 4 กลุ่มสินค้า ได้แก่ อาหารทะเล สิ่งทอและรองเท้า อัญมณี ปิโตรเคมี และพลาสติก เพื่อให้ความรู้รายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่ได้รับลดหย่อนจากญี่ปุ่น และกฎแหล่งกำเนิดสินค้า จึงขอเชิญชวน ผู้ผลิต ผู้ส่งออก ผู้ประกอบการ และผู้ที่สนใจติดต่อเพื่อขอลงทะเบียนเข้าร่วมรับฟังการสัมมนาดังกล่าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการส่งออก
อย่างไรก็ตาม เมื่อกรอบข้อตกลงมีผลบังคับใช้สินค้าและบริการจะได้รับประโยชน์ทันที รวมทั้งความร่วมมือระหว่างกัน โดยสินค้าที่ไทยได้ประโยชน์ทันทีจากการลดภาษีเหลือร้อยละ 0 หรือยกเลิกโควตา ซึ่งแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าอาหารทะเล สิ่งทอและรองเท้า อัญมณี ปิโตรเคมีและพลาสติก กลุ่มบริการ ที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ พ่อครัว-แม่ครัวไทย ซึ่งญี่ปุ่นจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านประสบการณ์และการออกใบอนุญาต ครูผู้ฝึกสอนสปา ผู้จัดการ ธุรกิจสปา และครูสอนภาษาไทย ความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่น 7 โครงการ ที่ได้มีการลงนาม ได้แก่ โครงการส่งเสริม การค้าการลงทุนภายใต้ “ครัวไทยสู่โลก” โครงการความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม สิ่งทอฯ อุตสาหกรรมเหล็ก โครงการสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ โครงการเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โครงการพัฒนาเศรษฐกิจ ในการสร้างมูลค่าเพิ่ม โครงการหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาครัฐและเอกชนซึ่งจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการไทยด้วย
นอกจากนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะจัดสัมมนาเชิงวิชาการเรื่อง “ก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียน : ผลประโยชน์และนัยต่อประเทศไทย” ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2550 ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น.ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และบุคคลที่สนใจ เข้าร่วมการสัมมนา เพื่อให้ทราบถึงทิศทางการก้าวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนและผลกระทบต่อประเทศไทย รวมทั้งความคืบหน้าการเจรจาอาเซียนกับคู่ค้าสำคัญๆ ได้แก่ อาเซียน-จีน อาเซียน-เกาหลี อาเซียน-อินเดีย อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ อาเซียน-สหภาพยุโรป ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจผลประโยชน์ของไทยในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจดังกล่าว ขณะเดียวกันก็รับฟังความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมสัมมนาเพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการเจรจาต่อไป โดยผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลการสัมมนาได้ที่ โทร.02-507-7555 หรือ 02-507-7222 หรือ www.dtn.go.th ได้วันเวลาราชการ