วันไทยอุตสาหกรรม ระเบิดศึกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปั้น ยำยำ ช้างน้อย ซูเปอร์ ขยายการกินเด็กวัยกระเตาะอายุ 4-12 ปี จากสแนกสู่บะหมี่ชามโต วางราคา 4 บาท รับกำลังการซื้อหด นำร่องเพียงรสชาติเดียว หมูอบซอส หวังตอกย้ำแบรนด์รอยัลตี้สู่ฐานลูกค้ายำยำ จัมโบ้ในอนาคต
จากนโยบายการตลาดที่ นายซาโตรุ นาคามูระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรายำยำ ได้ให้ว่า ปีนี้การทำตลาดของบริษัทจะเน้นสินค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ ยำยำ จัมโบ้ และยำยำช้างน้อย จากปัจจุบันมีสินค้า 5 กลุ่ม ได้แก่ ยำยำ มิกซ์ทูแมกซ์, ยำยำ พรีเมียมโบลว์ และยำยำ คัพ ดังนั้นหลังจากในช่วงต้นปียำยำจัมโบ้เปิดตัวรสชาติใหม่ต้มแซ่บไปแล้ว ความเคลื่อนไหวล่าสุด บริษัทวันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร รุกตลาดด้วยการเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์"ยำยำ ช้างน้อย ซูเปอร์" ลงสู่ตลาด
สำหรับการเปิดตัวยำยำ ช้างน้อย ซูเปอร์ เพื่อขยายการกินยำยำ ช้างน้อยในรูปแบบใหม่ จากเดิมกินในรูปแบบสแนกสู่การกินในลักษณะอาหาร ซึ่งบริษัทได้เพิ่มปริมาณ ยำยำ ช้างน้อย ซูเปอร์ ขนาด 45 กรัม ราคา 4 บาท นำร่องเพียงรสชาติเดียว คือ หมูอบซอส เมื่อเทียบกับยำยำ ช้างน้อยในรูปแบบสแนก ขนาด 23 กรัม ราคา 2 บาท ทั้งนี้เป้าหมายการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อสร้างฐานลูกค้าช่วงวัยเด็ก 4-12 ปี ก่อนที่จะก้าวสู่วัยรุ่น ซึ่งจะเป็นฐานลูกค้ายำยำ จัมโบ้ ในอนาคต และมีความภักดีต่อตราสินค้า
ที่ผ่านมาพฤติกรรมการกินยำยำ ช้างน้อย เป็นในรูปแบบสแนก โดยตัวเลขจากเอซีนีลสันยังแสดงให้เห็นว่ามีกลุ่มเป้าหมายจำนวนหนึ่งที่บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในลักษณะสแนกในปี 2545 จำนวน 14% แต่ในปี 2546 เพิ่มขึ้นเป็น 16% ก่อนหน้านี้วันไทยอุตสาหกรรม พยายามสร้างการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในรูปแบบใหม่ โดยส่ง ยำยำ มิกซ์ทูแมกซ์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเด็กๆ สนุกสนานกับซองเครื่องปรุงพิเศษสามารถปรับรสชาติได้ตามใจชอบ เข้มข้น มีด้วยกัน 2 รสชาติ ได้แก่ ต้มยำกุ้ง และหมูสับ วางราคาขาย 5 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยำยำ ช้างน้อย นับว่าเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งในตลาดสแนกอย่างมาก อีกทั้งกลุ่มเป้าหมายยังมีความภักดีต่อตราสินค้าสูง พิสูจน์ได้จากหลังจากที่ผู้นำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า เปิดตัวสแนก นู้ดโดะลงตลาด แต่ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีมากนัก กระทั่งต้องหยุดเคลื่อนไหวไป ส่วนบริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราไวไว ก่อนหน้านี้รุกตลาดขนมขบเคี้ยว โดยส่งแบรนด์คูลิคูลิลงตลาด และล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ได้หยุดทำตลาดไป และเตรียมที่จะรีลอนช์ใหม่ ซึ่งจะมีการปรับปรุงทั้งรสชาติและบรรจุภัณฑ์ เจาะกลุ่มเป้าหมายเด็กในระดับกลางและล่างเป็นหลัก
ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 8% ดังนั้นปีนี้สถานการณ์การแข่งขันจะมีความรุนแรงมากขึ้น สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา (รอบบัญชีเดือนเมษายน 49 - มีนาคม 50) บริษัทตั้งเป้ามีรายได้ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการส่งออก 20% และภายในประเทศ 80% ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมายำยำมี 22% เพิ่มขึ้น 3-4% โดยมาจากการพัฒนารสยำยำ จัมโบ้ หมูสับ ซึ่งได้ปรับปรุงรสชาติไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 15%
จากนโยบายการตลาดที่ นายซาโตรุ นาคามูระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรายำยำ ได้ให้ว่า ปีนี้การทำตลาดของบริษัทจะเน้นสินค้า 2 กลุ่ม ได้แก่ ยำยำ จัมโบ้ และยำยำช้างน้อย จากปัจจุบันมีสินค้า 5 กลุ่ม ได้แก่ ยำยำ มิกซ์ทูแมกซ์, ยำยำ พรีเมียมโบลว์ และยำยำ คัพ ดังนั้นหลังจากในช่วงต้นปียำยำจัมโบ้เปิดตัวรสชาติใหม่ต้มแซ่บไปแล้ว ความเคลื่อนไหวล่าสุด บริษัทวันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร รุกตลาดด้วยการเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์"ยำยำ ช้างน้อย ซูเปอร์" ลงสู่ตลาด
สำหรับการเปิดตัวยำยำ ช้างน้อย ซูเปอร์ เพื่อขยายการกินยำยำ ช้างน้อยในรูปแบบใหม่ จากเดิมกินในรูปแบบสแนกสู่การกินในลักษณะอาหาร ซึ่งบริษัทได้เพิ่มปริมาณ ยำยำ ช้างน้อย ซูเปอร์ ขนาด 45 กรัม ราคา 4 บาท นำร่องเพียงรสชาติเดียว คือ หมูอบซอส เมื่อเทียบกับยำยำ ช้างน้อยในรูปแบบสแนก ขนาด 23 กรัม ราคา 2 บาท ทั้งนี้เป้าหมายการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อสร้างฐานลูกค้าช่วงวัยเด็ก 4-12 ปี ก่อนที่จะก้าวสู่วัยรุ่น ซึ่งจะเป็นฐานลูกค้ายำยำ จัมโบ้ ในอนาคต และมีความภักดีต่อตราสินค้า
ที่ผ่านมาพฤติกรรมการกินยำยำ ช้างน้อย เป็นในรูปแบบสแนก โดยตัวเลขจากเอซีนีลสันยังแสดงให้เห็นว่ามีกลุ่มเป้าหมายจำนวนหนึ่งที่บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในลักษณะสแนกในปี 2545 จำนวน 14% แต่ในปี 2546 เพิ่มขึ้นเป็น 16% ก่อนหน้านี้วันไทยอุตสาหกรรม พยายามสร้างการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในรูปแบบใหม่ โดยส่ง ยำยำ มิกซ์ทูแมกซ์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเด็กๆ สนุกสนานกับซองเครื่องปรุงพิเศษสามารถปรับรสชาติได้ตามใจชอบ เข้มข้น มีด้วยกัน 2 รสชาติ ได้แก่ ต้มยำกุ้ง และหมูสับ วางราคาขาย 5 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยำยำ ช้างน้อย นับว่าเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งในตลาดสแนกอย่างมาก อีกทั้งกลุ่มเป้าหมายยังมีความภักดีต่อตราสินค้าสูง พิสูจน์ได้จากหลังจากที่ผู้นำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า เปิดตัวสแนก นู้ดโดะลงตลาด แต่ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีมากนัก กระทั่งต้องหยุดเคลื่อนไหวไป ส่วนบริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราไวไว ก่อนหน้านี้รุกตลาดขนมขบเคี้ยว โดยส่งแบรนด์คูลิคูลิลงตลาด และล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ได้หยุดทำตลาดไป และเตรียมที่จะรีลอนช์ใหม่ ซึ่งจะมีการปรับปรุงทั้งรสชาติและบรรจุภัณฑ์ เจาะกลุ่มเป้าหมายเด็กในระดับกลางและล่างเป็นหลัก
ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 8% ดังนั้นปีนี้สถานการณ์การแข่งขันจะมีความรุนแรงมากขึ้น สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา (รอบบัญชีเดือนเมษายน 49 - มีนาคม 50) บริษัทตั้งเป้ามีรายได้ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการส่งออก 20% และภายในประเทศ 80% ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมายำยำมี 22% เพิ่มขึ้น 3-4% โดยมาจากการพัฒนารสยำยำ จัมโบ้ หมูสับ ซึ่งได้ปรับปรุงรสชาติไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 15%