นันยาง ส่งผ้าใบผู้หญิงลงตลาด พร้อมทุ่มงบตลาดเพิ่มอีกกว่า 30% กระตุ้นต่อ หลังพบตลาดผ้าใบ 2 พันล้าน หล่นวูบ 3-4% ล่าสุด เทอีก 10 ล้านเพิ่มเครื่องจักร เตรียมบุกหนักตลาดจีน หวังโตได้อีก 15%
นายเอี่ยม พสุธารชาติ ผู้จัดการทั่วไปรองเท้าผ้าใบแบรนด์ “นันยาง” บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทมีแผนรุกตลาดรองเท้าผ้าใบมากยิ่งขึ้น โดยได้เพิ่มงบการทำตลาดอีก 30% จากปีที่ผ่านมา ใช้งบการตลาดที่ 30 ล้านบาท ซึ่งแผนงานที่วางไว้ คือ เน้นความถี่ในการโฆษณา และเข้าถึงสื่อใหม่ที่ตอบสนองต่อกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ เช่น สื่ออินเทอร์เน็ต และสื่อกีฬา เพื่อสร้างการรับรู้และแข่งขันในตลาด
“เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เชื่อว่า จะส่งผลต่อยอดขายในปีนี้ ทำให้ตั้งแต่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนพฤษภาคม 2550 บริษัทจำเป็นต้องเปิดตัวโฆษณาใหม่เพื่อตอกย้ำแบรนด์กระตุ้นยอดขายในภาคการเรียนแรก ซึ่งปกติมีสัดส่วนยอดขายกว่า 40-50% ของทั้งปี”
สำหรับภาพรวมตลาดรองเท้าผ้าใบในปีนี้ มีมูลค่าอยู่ประมาณ 2 พันล้านบาท คาดว่า จะมีแนวโน้มเติบโตลดลงเหลือเพียง 3-4% จากปีที่ผ่านมา ที่มีอัตราการเติบโตประมาณ 4-5% เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ผสมผสานกับการแข่งขันที่มีความรุนแรงในตลาด แต่ก็เชื่อว่ายังมีช่องว่างสำหรับการตลาดอยู่โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนที่ไม่มีรองเท้าผ้าใบ และสวมรองเท้าแตะไปเรียน
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดเตรียมส่งรองเท้าผ้าใบผู้หญิงลงตลาด ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรก โดยจะเป็นรองเท้าผ้าใบสีขาว ดีไซน์ใหม่ สำหรับผู้หญิง ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาทำตลาดในช่วงภาคการศึกษาที่ 2 ของปีนี้ หรือเดือนตุลาคม 2550 นี้ ขณะที่ตลาดรองเท้าผู้หญิง คิดเป็น 30-40% ของตลาดรวมรองเท้าผ้าใบ
ด้านตลาดในต่างประเทศทางบริษัทจะรุกส่งออกด้วยรองเท้าแตะฟองน้ำ ภายใต้แบรนด์ช้างดาว บายนันยาง และรีแลกซ์ บายนันยาง ในประเทศจีนตอนใต้ ผ่านตัวแทนจำหน่ายกว่า 50 ราย จากที่ผ่านมา มีการส่งออกในประเทศพม่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย และลาว
ทั้งนี้ การรุกทำตลาดทั้งในและต่างประเทศดังกล่าว ทำให้บริษัทเตรียมงบกว่า 10 ล้านบาท ในการเพิ่มเครื่องจักรในการผลิตทั้งรองเท้าผ้าใบ และรองเท้าแตะ ที่โรงงานในย่านบางแค
สำหรับผลประกอบปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตไว้กว่า 15% ซึ่งสูงกว่าตลาด แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60% โดยนันยางมีส่วนแบ่ง 20% ในตลาดรองเท้าผ้าใบมูลค่า 2 พันล้านบาท และมีส่วนแบ่ง 50% ในตลาดรองเท้าผ้าใบระดับราคา 100-200 บาท โดยรองเท้าผ้าใบนันยางวางจำหน่ายในราคา 259-279 บาท ส่วนตลาดรองเท้าแตะ มูลค่ามากกว่า 2 พันล้านบาท ประมาณ 64 ล้านคู่ โดยรองเท้าแตะแบรนด์ช้างดาวและรีแลกซ์ วางจำหน่ายในราคาคู่ละ 65 บาท
นายเอี่ยม พสุธารชาติ ผู้จัดการทั่วไปรองเท้าผ้าใบแบรนด์ “นันยาง” บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทมีแผนรุกตลาดรองเท้าผ้าใบมากยิ่งขึ้น โดยได้เพิ่มงบการทำตลาดอีก 30% จากปีที่ผ่านมา ใช้งบการตลาดที่ 30 ล้านบาท ซึ่งแผนงานที่วางไว้ คือ เน้นความถี่ในการโฆษณา และเข้าถึงสื่อใหม่ที่ตอบสนองต่อกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ เช่น สื่ออินเทอร์เน็ต และสื่อกีฬา เพื่อสร้างการรับรู้และแข่งขันในตลาด
“เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เชื่อว่า จะส่งผลต่อยอดขายในปีนี้ ทำให้ตั้งแต่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนพฤษภาคม 2550 บริษัทจำเป็นต้องเปิดตัวโฆษณาใหม่เพื่อตอกย้ำแบรนด์กระตุ้นยอดขายในภาคการเรียนแรก ซึ่งปกติมีสัดส่วนยอดขายกว่า 40-50% ของทั้งปี”
สำหรับภาพรวมตลาดรองเท้าผ้าใบในปีนี้ มีมูลค่าอยู่ประมาณ 2 พันล้านบาท คาดว่า จะมีแนวโน้มเติบโตลดลงเหลือเพียง 3-4% จากปีที่ผ่านมา ที่มีอัตราการเติบโตประมาณ 4-5% เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ผสมผสานกับการแข่งขันที่มีความรุนแรงในตลาด แต่ก็เชื่อว่ายังมีช่องว่างสำหรับการตลาดอยู่โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนที่ไม่มีรองเท้าผ้าใบ และสวมรองเท้าแตะไปเรียน
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดเตรียมส่งรองเท้าผ้าใบผู้หญิงลงตลาด ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรก โดยจะเป็นรองเท้าผ้าใบสีขาว ดีไซน์ใหม่ สำหรับผู้หญิง ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาทำตลาดในช่วงภาคการศึกษาที่ 2 ของปีนี้ หรือเดือนตุลาคม 2550 นี้ ขณะที่ตลาดรองเท้าผู้หญิง คิดเป็น 30-40% ของตลาดรวมรองเท้าผ้าใบ
ด้านตลาดในต่างประเทศทางบริษัทจะรุกส่งออกด้วยรองเท้าแตะฟองน้ำ ภายใต้แบรนด์ช้างดาว บายนันยาง และรีแลกซ์ บายนันยาง ในประเทศจีนตอนใต้ ผ่านตัวแทนจำหน่ายกว่า 50 ราย จากที่ผ่านมา มีการส่งออกในประเทศพม่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย และลาว
ทั้งนี้ การรุกทำตลาดทั้งในและต่างประเทศดังกล่าว ทำให้บริษัทเตรียมงบกว่า 10 ล้านบาท ในการเพิ่มเครื่องจักรในการผลิตทั้งรองเท้าผ้าใบ และรองเท้าแตะ ที่โรงงานในย่านบางแค
สำหรับผลประกอบปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตไว้กว่า 15% ซึ่งสูงกว่าตลาด แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60% โดยนันยางมีส่วนแบ่ง 20% ในตลาดรองเท้าผ้าใบมูลค่า 2 พันล้านบาท และมีส่วนแบ่ง 50% ในตลาดรองเท้าผ้าใบระดับราคา 100-200 บาท โดยรองเท้าผ้าใบนันยางวางจำหน่ายในราคา 259-279 บาท ส่วนตลาดรองเท้าแตะ มูลค่ามากกว่า 2 พันล้านบาท ประมาณ 64 ล้านคู่ โดยรองเท้าแตะแบรนด์ช้างดาวและรีแลกซ์ วางจำหน่ายในราคาคู่ละ 65 บาท