อีเลคโทรลักซ์ วางไทยเป็นฮับด้านเครื่องซักผ้าในภูมิภาคเซาท์อีสเอเชีย อัดเม็ดเงินกว่า 600 ล้านบาท สยายปีกขยายโรงงานที่ระยอง ปั้มกำลังการผลิตเพิ่มอีกเท่าตัว หรือกว่า 3 แสนเครื่องต่อปี ส่วนไทยปีนี้เทหน้าตักกว่า 100 ล้านบาท เดินหมากรุกตลาดกลุ่มอินติเกรเตท คิทเช่น เป็นหลัก พร้อมลุยตลาดเครื่องซักผ้าและเครื่องดูดฝุ่นต่อเนื่อง มั่นใจปีนี้มีรายได้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก
นายเอียน เบนส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากเดิมที่บริษัทฯได้จัดตั้งโรงงานผลิตเครื่องซักผ้าและอุปกรณ์ความสะอาดเสื้อผ้าสำหรับทำตลาดในไทย 15-20% และส่งออกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 80% มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2546 นั้น พบว่าล่าสุดในปัจจุบัน ผู้บริโภคในภูมิภาคดังกล่าวกำลังให้การตอบรับและต้องการเครื่องซักผ้าประเภทฝาหน้ามากยิ่งขึ้น
ดังนั้นในปีนี้ทางบริษัทฯจึงได้วางแผนรองรับความต้องการดังกล่าว โดยจัดงบลงทุนไว้กว่า 600 ล้านบาท สำหรับขยายกำลังการผลิตในโรงงานดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว หรือกว่า 3 แสนเครื่องต่อปี พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนพนักงานจากเดิม 300 คนเป็น 600 คน เพื่อต้องการให้โรงงานดังกล่าวเป็นศูนย์กลางฐานการผลิตเครื่องซักผ้า และอุปกรณ์ความสะอาดเสื้อผ้าในภูมิภาคดังกล่าวอีกด้วย โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดังกล่าว ได้แก่ เครื่องซักผ้าฝาบน และเครื่องอบผ้า
ส่วนในประเทศไทยนั้น ถึงแม้ว่าการเมืองและสภาพเศรษฐกิจจะไม่เอื้อต่อตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามากนัก โดยคาดว่าปีนี้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมมูลค่า 40 ,000 ล้านบาทนั้น (ไม่รวมเครื่องใช้ฟ้าในกลุ่มภาพและเสียง) จะมีการเติบโตเพียง 2% น้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่มีการเติบโตกว่า 5% ก็ตาม ทำให้ทางบริษัทฯจะมุ่งเน้นทำตลาดมากยิ่งขึ้นในปีนี้ โดยจะนำปัจจัยทางด้านความต้องการของลูกค้าที่ได้จากการสำรวจ มาพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด คาดว่าจะเป็นจุดเด่นที่สำคัญที่จะทำให้สินค้าภายใต้แบรนด์ อีเลคโทรลักซ์ เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
ล่าสุดในปีนี้บริษัทฯได้เตรียมงบการตลาดไว้กว่า 600 ล้านบาท สำหรับทำตลาดในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ตลอดทั้งปี โดยจะมุ่งเน้นการทำในรูปแบบบีโลว์เดอะไลน์ ขณะที่ในปีนี้บริษัทฯจะมุ่งทำตลาดสินค้าในกลุ่มอินติเกรเตท คิทเช่น หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือนแบบครบวงจรเป็นหลัก โดยจะมีการเปิดตัวสินค้าในกลุ่มดังกล่าวในปีนี้กว่า 60 รายการ
เนื่องจากพบว่าตลาดอินติเกรเตท คิทเช่น มูลค่า4,000-5,000 ล้านบาทนั้น เริ่มมีกระแสความต้องการของผู้บริโภคมีมากขึ้น โดยมองว่าน่าจะเติบโตขึ้นอีกกว่า 15-20% ในปีนี้ ซึ่งเกิดจากปัจจัยทางด้านไลฟสไตล์ของผู้บริโภคเองได้เปลี่ยนไป เริ่มที่จะหันมาทำกิจกรรมภายในบ้านและอยู่กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น ทำให้การประกอบอาหารในบ้านถือเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน ครัวจึงมีความจำเป็นและเข้ามามีอิทธิพลมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้รูปแบบครัวแบบครบวงจรได้กลายมาเป็นเฟอร์นิเจอร์ในอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้บริโภคมองว่าจะเพิ่มความสวยงามและรสนิยมให้กับตนเองได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนการทำตลาดนั้นจะมุ่งเน้นทั้งทางด้านผู้บริโภคโดยตรง และกลุ่มงานโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์เท่าๆกัน ขณะที่ในกลุ่มงานโครงการนั้น ขณะนี้ได้เริ่มเจรจาพูดคุยกับทางเจ้าของโครงการบ้านจัดสรร และคอนโดมีเนียมไว้บ้างแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ล่าสุดสำหรับสินค้าในกลุ่มอินติเกรเตท คิทเช่น กลุ่มแรกที่บริษัทฯได้เริ่มทำตลาดแล้ว คือ กลุ่มตู้เย็น ที่รวมเอาความต้องการของผู้บริโภคและดีไซน์ที่ทันสมัยมาวางจำหน่าย และในระยะเวลาต่อๆไป บริษัทฯจะเริ่มทยอยเปิดตัวสินค้าในกลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น เตาประกอบอาหาร หรือเครื่องดูดควัน
อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังให้ความสำคัญกับการทำตลาดในสินค้ากลุ่มเครื่องซักผ้าและเครื่องดูดฝุ่นต่อเนื่อง โดยคาดว่าสินค้าในกลุ่มเครื่องซักผ้าจะยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มเครื่องซักผ้าฝาบนได้อีกครั้ง หรือมีอัตราการเติบโตกว่า 10% เช่นเดียวกันเครื่องดูดฝุ่นที่คาดว่า จะครองความเป็นผู้นำในกลุ่มเครื่องดูดฝุ่นที่ไม่มีถุงเก็บฝุ่นอีกครั้งในปีนี้ มั่นใจว่าจากแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯจะมีรายได้รวมเติบโตขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา
