นารายณ์พิซเซอเรีย เล่นบทรุกหนักปี 2550 ทุ่มงบลงทุน 30 ล้านบาท เปิดตัวโมเดลใหม่ รูปแบบเคาน์เตอร์ เสริมจากร้านเต็มรูปแบบ ชี้เคาน์เตอร์เป็นหัวหอกหลัก พร้อมผนึกกำลังปั๊มปิโตรนาสผุดสาขาในปั๊ม รับแผนโหมหนักบริการดีลิเวอรี่ นำร่อง 10 สาขาในปิโตรนาส คาดสิ้นปีนี้จะมีสาขารวม 30 แห่ง รายได้พุ่ง 150 ล้านบาท
นางสาวสรัญญา เปรมสุมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารายณ์ พิซเซอเรีย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านพิซซ่า นารายณ์พิซเซอเรีย เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ในปีนี้นารายณ์พิซเซอเรียจะมีการขยายตัวอย่างมาก ทั้งในแง่ของการร่วมมือกับพันธมิตร การขยายสาขา การบริการดีลิเวอรี่ การทำตลาด การขยายช่องทางใหม่ๆ โดยตั้งงบประมาณการลงทุนปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20-30 ล้านบาท
โดยรูปแบบการขยายสาขาในปีนี้จะแบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ 1.ร้านแบบฟูลเซอร์วิส จะเปิดในศูนย์การค้า เป็นหลัก พื้นที่ใหญ่มากกว่า 150 ตารางเมตร ลงทุนเฉลี่ย 3-4 ล้านบาทต่อสาขา 2.รูปแบบคอร์เนอร์ จะเป็นโมเดลใหม่ที่เริ่มปีนี้อย่างชัดเจน พื้นที่ 80 ตารางเมตร ลงทุนเฉลี่ย 1-2 ล้านบาทต่อสาขา เน้นการเปิดตามสแตนด์อโลนและในปั๊มน้ำมัน โดยลูกค้าจะต้องสั่งอาหารเองที่เคาน์เตอร์ แต่จะมีโต๊ะบริการให้นั่ง ทางร้านจะเสิร์ฟอาหารให้ที่โต๊ะ เมนูอาหารจะน้อยกว่าร้านใหญ่ แต่ราคาเท่ากัน ซึ่งปีนี้จะเน้นรูปแบบนี้มากกว่า เนื่องจากลงทุนต่ำ ขยายตัวได้เร็วกว่า อีกทั้งมาร์จิ้นดีกว่า เนื่องจากค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
อีกเหตุผลที่จะเน้นการเปิดแบบคอร์เนอร์ เนื่องจากว่า บริษัทฯต้องการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายด้านดีลิเวอรีมากขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทฯสามารถขยายจุดจำหน่ายได้เร็ว และครอบคลุมพื้นที่การให้บริการดีลิเวอรีได้มากขึ้นเกือบ 100% จากปัจจุบันที่ยังไม่ครอบคลุมมากนัก โดยยังคงใช้เบอร์โทร 02-678-0555 ยังไม่ได้ใช้เบอร์ 4 หลัก
ขณะนี้บริษัทฯได้จับมือเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับทางปั๊มน้ำมันปิโตรนาส เพื่อขยายจุดบริการในรูปแบบคอร์เนอร์ในปั๊มปิโตรนาส โดยได้เซ็นสัญญากันไปแล้วไม่ต่ำกว่า 10 จุด อย่างไรก็ตามปีที่แล้วเริ่มเปิดกับปั๊มปิโตรนาสเป็นสาขาทดลองแห่งแรกที่ ปั๊มปิโตรนาสสาขา ถนนศรีนครินทร์ ในรูปแบบฟูลเซอร์วิส ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี แต่หลังจากนี้ไปจะเป็นคอร์เนอร์ โดยคอร์เนอร์สาขาแรกเปิดทดลองที่บางใหญ่พลาซ่าเมื่อปลายปีที่แล้ว
ทั้งนี้ในปีนี้มีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 17 แห่ง จากเดิมเมื่อสิ้นปีที่แล้วมี 13 แห่ง คาดว่าเมื่อสิ้นปีอาจจะมีสาขาประมาณ 30 แห่ง กระจายในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยแบ่งเป็น รูปแบบคอร์เนอร์ในปั๊มปิโตรนาส ที่คาดว่าจะเปิดในช่วงครึ่งปีแรกนี้หลายแห่งเช่น ปั๊มปิโตรนาสสาขาสะพานใหม่ สาขาเจริญนคร สาขาเสนา สาขาจรัลสนิทวงศ์ ในสัปดาห์นี้ และลาดร้าว 71 และ พหลโยธิน 37 เป็นต้น ส่วนการเปิดในปั๊มปิโตนาสครึ่งปีหลังยังอยู่ระหว่างการเจรจาและเลือกทำเลที่มีความเหมาะสม
ขณะที่รูปแบบฟูลเซอร์วิสหรือร้านเต็มรูปแบบนั้น เน้นการเปิดในศูนย์การค้า ซึ่งปีนี้ก็มีการหาทำเลที่เหมาะสมเช่นกันเช่น ในเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งล่าสุดเมือเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเปิดสาขาฟูลเซอร์วิสที่ เพชรเกษม พาวิลเลียนที่ถนนเพชรเกษม ซึ่งทั้งสองโมเดลนี้บริษัทฯใช้วิธีการจ่ายค่าเช่าพื้นที่ให้กับเจ้าของพื้นที่
นอกจากนั้นยังขยายในช่องทางใหม่อีกเช่น สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเริ่มสาขาแรกที่สถานีบีทีเอสทองหล่อ จะเปิดบริการภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ พื้นที่ประมาณ 18 ตารางเมตร แต่เน้นการขายแบบเทคโฮม รวมทั้งดีลิเวอรี่ด้วย
“สาขาที่อยู่ในปั๊มปิโตรนาสและบีทีเอส จะช่วยทำให้เราสามารถขยายการบริการดีลิเวอรี่ได้เพิ่มมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากเดิมด้วย เพราะพื้นที่กระจายในวงกว้างที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งเป็นโอกาสที่จะขยายในต่างจังหวัดได้ด้วย โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม การเป็นพันธมิตรกับ ปิโตรนาสครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการผูกขาดหรือเอ็กซ์คลูซีฟ เพราะทั้งสองฝ่ายก็สามารถเป็นพันธมิตรกับรายอื่นได้อีกหากไม่กระทบซึ่งกันและกัน”
ปัจจุบันนารายณ์พิซเซอเรียมีสาขาเปิดบริการทั้งสิ้น 15 แห่ง (สิ้นปีที่แล้วมี 13 แห่ง) ซึ่งต้นปีนี้เปิดเพิ่ม 2 แห่งคือที่ เพชรเกษมและบีทีเอสทองหล่อ
ส่วนปีที่แล้วแทบจะไม่ได้ขยายสาขามากเท่าใดนัก เพราะอยู่ในช่วงของการปรับตัวมากกว่า รวมทั้งมีการปิดสาขาไปด้วยเนื่องจากเหตุผลของเงื่อนไขทางสัญญาและการหมดสัญญาเช่าพื้นที่ สาขาที่ปิดไปเช่น เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เทสโก้โลตัสรัชดาภิเษก, เซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัลบางนา
นอกจากนั้นแล้วปีนี้บริษัทฯก็จะมีการทำกิจกรรม ส่งเสริมการขายมากขึ้นด้วย มีการออกเมนูใหม่ๆตลอดเวลา ล่าสุดได้เข้าร่วมมือเป็นพันธมิตรกับทางเอไอเอส ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในการเข้าร่วมแคมเปญ “ *185 เอไอเอสโมบายฟู้ด” สำหรับผู้ใช้ระบบเอไอเอสเท่านั้น ในการโทรเข้ามาเบอร์นี้ แล้วสามารถเลือกรับฟังข้อมูลต่างๆรวมทั้งกิจกรรม โปรโมชั่นของร้านอาหารทั้ง 12 แบรนด์ที่เข้าร่วมโครงการ และเมื่อเลือกแบรนด์ใดแล้ว เครื่องจะโอนไปยังแบรดน์นั้นโดยอัติโนมัติและสามารถสั่งอาหารเพื่อดีลิเวอรี่ได้ปรกติ ซึ่งนารายณ์พิซเซอเรียก็ร่วมด้วย
สำหรับงบการตลาดปีนี้ตั้งไว้ประมาณ 3-5% จากยอดขายรวม โดยปีนี้ตั้งป้าหมายรายได้รวมไว้ประมาณ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ได้ประมาณ 90-100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่ามีแนวโน้มที่จะทำได้ เนื่องจากการทำตลาดเชิงรุก การขยายสาขาอย่างเต็มที่ รวมทั้งยอดขายจากสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้นด้วย