“ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์” เตรียมรื้อแผนนำโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กเข้าระบบโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (วีเอสพีพี) เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรของประเทศให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และช่วยลดการนำเข้าพลังงาน รวมทั้งชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้เร่งรัดให้กรมพัฒนาพลังงานและพลังงานทดแทน (พพ.) ดำเนินการโครงการนำโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กที่อยู่ในชุมชนต่างๆ กลับมาผลิตไฟฟ้าอีกครั้งและขายเข้าระบบ โดยขายให้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามโครงการวีเอสพีพี โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กนั้น พพ.มีประมาณ 80-90 โครงการ เป็นการก่อสร้างในอดีต เพื่อบริการแก่ชาวบ้านห่างไกลที่ กฟภ.ยังไม่สามารถส่งไฟฟ้าตามสายเข้าไปได้ แต่เมื่อมีการก่อสร้างสายส่งไปถึงในโรงไฟฟ้าประมาณ 40 แห่ง จึงหยุดผลิตไฟฟ้า โดยหากนำมาผลิตใหม่ก็จะทำให้ใช้ทรัพยากรของประเทศให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ช่วยลดการนำเข้าพลังงาน และที่สำคัญชาวบ้านจะได้รายได้เพิ่มขึ้นจากการขายไฟฟ้า
“ชุมชนมีไฟฟ้าขายเข้าระบบ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลหรือสหกรณ์ในพื้นที่ก็จะมีรายได้นำไปพัฒนาพื้นที่ได้ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าปางไฮ โรงไฟฟ้าห้วยคั่ง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ มีการผลิตไฟฟ้าประมาณ 30-40 กิโลวัตต์ ชาวบ้านก็จะได้รายได้เข้าชุมชนประมาณ 500,000 บาทต่อปี” นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า นโยบายของกระทรวงพลังงาน คือ ส่งเสริมให้ชุมชนพึ่งพาพลังงานท้องถิ่นให้มากที่สุด ในหลายพื้นที่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าจากมูลสัตว์ ผลิตจากระบบไบโอแก๊ส เช่น กรณีเลี้ยงสุกร 500 ตัว ก็สามารถผลิตไบโอแก๊ส ป้อนหมู่บ้านได้ทั้งหมู่บ้านทดแทนการซื้อก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) หรือในบางพื้นที่ บางแห่งมีน้ำมันพืชใช้ ก็ให้มีการเก็บน้ำมันพืชดังกล่าวไปผลิตไบโอดีเซลได้ เพื่อใช้ในหมู่บ้านเป็นต้น หากทุกหมู่บ้านมีการใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบในท้องถิ่นเต็มที่ ก็จะช่วยทำให้ประเทศลดการนำเข้าพลังงานในที่สุด
นายพานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก ทาง พพ.ได้ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2521 กำลังผลิตรวมประมาณ 8-90 โครงการ ประมาณ 2,900 กิโลวัตต์ แต่ในขณะนี้มีการเดินเครื่องเพียง 1,200 กิโลวัตต์ หรือ 39 โครงการ ถ้านำอีก 40 โครงการ 1,700 กิโลวัตต์ มาเดินเครื่องได้ก็คาดว่าชาวบ้านจะได้รายได้จากวีเอสพีพีรวม 25 ล้านบาท แต่จะทำโครงการได้หรือไม่ ทาง พพ.ก็ต้องรองบประมาณเพื่อนำไปปรับปรุงโรงไฟฟ้าดังกล่าวให้เดินเครื่องได้อีกครั้ง
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้เร่งรัดให้กรมพัฒนาพลังงานและพลังงานทดแทน (พพ.) ดำเนินการโครงการนำโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กที่อยู่ในชุมชนต่างๆ กลับมาผลิตไฟฟ้าอีกครั้งและขายเข้าระบบ โดยขายให้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามโครงการวีเอสพีพี โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กนั้น พพ.มีประมาณ 80-90 โครงการ เป็นการก่อสร้างในอดีต เพื่อบริการแก่ชาวบ้านห่างไกลที่ กฟภ.ยังไม่สามารถส่งไฟฟ้าตามสายเข้าไปได้ แต่เมื่อมีการก่อสร้างสายส่งไปถึงในโรงไฟฟ้าประมาณ 40 แห่ง จึงหยุดผลิตไฟฟ้า โดยหากนำมาผลิตใหม่ก็จะทำให้ใช้ทรัพยากรของประเทศให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ช่วยลดการนำเข้าพลังงาน และที่สำคัญชาวบ้านจะได้รายได้เพิ่มขึ้นจากการขายไฟฟ้า
“ชุมชนมีไฟฟ้าขายเข้าระบบ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลหรือสหกรณ์ในพื้นที่ก็จะมีรายได้นำไปพัฒนาพื้นที่ได้ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าปางไฮ โรงไฟฟ้าห้วยคั่ง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ มีการผลิตไฟฟ้าประมาณ 30-40 กิโลวัตต์ ชาวบ้านก็จะได้รายได้เข้าชุมชนประมาณ 500,000 บาทต่อปี” นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า นโยบายของกระทรวงพลังงาน คือ ส่งเสริมให้ชุมชนพึ่งพาพลังงานท้องถิ่นให้มากที่สุด ในหลายพื้นที่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าจากมูลสัตว์ ผลิตจากระบบไบโอแก๊ส เช่น กรณีเลี้ยงสุกร 500 ตัว ก็สามารถผลิตไบโอแก๊ส ป้อนหมู่บ้านได้ทั้งหมู่บ้านทดแทนการซื้อก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) หรือในบางพื้นที่ บางแห่งมีน้ำมันพืชใช้ ก็ให้มีการเก็บน้ำมันพืชดังกล่าวไปผลิตไบโอดีเซลได้ เพื่อใช้ในหมู่บ้านเป็นต้น หากทุกหมู่บ้านมีการใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบในท้องถิ่นเต็มที่ ก็จะช่วยทำให้ประเทศลดการนำเข้าพลังงานในที่สุด
นายพานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก ทาง พพ.ได้ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2521 กำลังผลิตรวมประมาณ 8-90 โครงการ ประมาณ 2,900 กิโลวัตต์ แต่ในขณะนี้มีการเดินเครื่องเพียง 1,200 กิโลวัตต์ หรือ 39 โครงการ ถ้านำอีก 40 โครงการ 1,700 กิโลวัตต์ มาเดินเครื่องได้ก็คาดว่าชาวบ้านจะได้รายได้จากวีเอสพีพีรวม 25 ล้านบาท แต่จะทำโครงการได้หรือไม่ ทาง พพ.ก็ต้องรองบประมาณเพื่อนำไปปรับปรุงโรงไฟฟ้าดังกล่าวให้เดินเครื่องได้อีกครั้ง