สมาคมโรงแรมไทย เตรีมจัดสัมมนา ผลกระทบพรบ.แอลกอฮอล์ อัดภาครัฐหวั่นทำธุรกิจท่องเที่ยวพังไปด้วย ชี้บางข้อรับได้ เผยตัวเลขเข้าพักโรงแรม 2 เดือนแรก ลดลง 5%
นายชนินทร์ โทณะวณิก นายกสมาคมโรงแรมไทย (T.H.A) เปิดเผยว่า ประมาณ 2 สัปดาห์สมาคมจะจัดสัมมนาให้แก่สมาชิกและผู้ประกอบการในสมาคมอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากร่างพรบ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยจะเป็นการระดมสัมมนาเพื่อแสดงความคิดเห็นเพื่อศึกษาผลกระทบตลอดจนแนวทางแก้ไขเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล
ทั้งนี้หากพรบ.ดังกล่าวมีผลบังคับใช้เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวอย่างแน่นอน จะส่งผลกระทบถึงรายได้ของประเทศที่จะเกิดกับการท่องเที่ยวโดยเบื้องต้นในส่วนของผู้ประกอบการโรงแรมพบว่าการที่พรบ.ดังกล่าวได้กำหนดระยะที่ตั้งของจุดจำหน่ายที่ต้องห่างจากวัดและสถานศึกษามองว่าในบางจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ โรงแรม วัด และสถานศึกษาเกือบจะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งเป็นการก่อสร้างที่มีมานานแล้วก่อนกฎหมายบังคับใช้เช่นที่จังหวัดเชียงใหม่พบว่าโรงแรมจะอยู่ติดวัดและโรงเรียนเพราะพื้นที่มีจำกัด
อีกทั้งการกำหนดเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวต้องการความสนุกสนานและสะดวกสบายเพื่อการพักผ่อนโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่นิยมดื่มเบียร์ตลอดทั้งวัน หากกำหนดการจำหน่ายเป็นเวลานักท่องเที่ยวอาจไม่พอใจหรือเบื่อหน่ายในการมาท่องเที่ยว หากปล่อยนานวันก็จะหันไปเที่ยวประเทศอื่นแทน ซึ่งคู่แข่งของประเทศไทยอย่าง ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย เขาไม่มีกฎหมายข้อนี้ใช้บังคับ
“หลายข้อในกฎหมายในปีนี้เราก็เห็นว่าดี เช่นห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชนต่อเรื่องเวลาในการจำหน่ายกับระยะห่างจากเขตจำหน่ายถึงสถานที่วัด และโรงเรียน เรามองว่าไม่สมควรมี หรือถ้ามีก็ต้องมีข้อยกเว้นบ้างตามแหล่งท่องเที่ยวเราไม่ได้มองแค่โรงแรมจะเสียรายได้เพราะรายได้จากการขายเครื่องดื่มของโรงแรมส่วนใหญ่มีสัดส่วนเพียง 5% ของรายได้รวมเท่านั้น แต่สิ่งที่จะเสียหาย คือ ความเบื่อหน่ายของนักท่องเที่ยวที่จะมีต่อประเทศไทย จึงต้องการให้รัฐบาลทบทวน”
นายประกิต ชินอมรพงษ์ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ในต่างประเทศมีการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ขายเหมือนไทย ขณะที่หลายประเทศที่ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พบว่ายอดจำหน่ายกลับสูงขึ้น 10% ผู้ประกอบการไม่มีต้นทุนการตลาดจึงลดราคาขายสินค้าหลังรัฐบาลออกกฎห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สำหรับสถานการณ์โรงแรม นายประกิต กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมช่วง 2 เดือนแรก ปีนี้มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งประเทศลดลง 4-5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยในกรุงเทพฯภาพรวมแล้วลดลงกว่า 10% หากคิดเป็นเซ็กเมนโรงแรมขนาดใหญ่มีอัตราเข้าพัก 76.9% ลดลงจากปีก่อน 11.37% โรงแรมขนาดเล็กอัตราเข้าพัก 70% ต่ำกว่าปีก่อน 12%
ส่วนที่เกาะสมุย อัตราเข้าพัก 73.2% ลดลงจากปีก่อน 9.1% โดยมีเพียง 2 จังหวัดที่มีอัตราเข้าพักเติบโต คือ กระบี่และภูเก็ต อัตราเข้าพักโดยรวมของประเทศลดลง มาจากสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย ความไม่ชัดเจนทางการเมือง ข่าวลือเรื่องการลอบวางระเบิด ทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือสร้างความชัดเจนให้แก่อุตสาหกรรมนี้ก่อนที่จะสายไป
นายชนินทร์ โทณะวณิก นายกสมาคมโรงแรมไทย (T.H.A) เปิดเผยว่า ประมาณ 2 สัปดาห์สมาคมจะจัดสัมมนาให้แก่สมาชิกและผู้ประกอบการในสมาคมอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากร่างพรบ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยจะเป็นการระดมสัมมนาเพื่อแสดงความคิดเห็นเพื่อศึกษาผลกระทบตลอดจนแนวทางแก้ไขเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล
ทั้งนี้หากพรบ.ดังกล่าวมีผลบังคับใช้เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวอย่างแน่นอน จะส่งผลกระทบถึงรายได้ของประเทศที่จะเกิดกับการท่องเที่ยวโดยเบื้องต้นในส่วนของผู้ประกอบการโรงแรมพบว่าการที่พรบ.ดังกล่าวได้กำหนดระยะที่ตั้งของจุดจำหน่ายที่ต้องห่างจากวัดและสถานศึกษามองว่าในบางจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ โรงแรม วัด และสถานศึกษาเกือบจะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งเป็นการก่อสร้างที่มีมานานแล้วก่อนกฎหมายบังคับใช้เช่นที่จังหวัดเชียงใหม่พบว่าโรงแรมจะอยู่ติดวัดและโรงเรียนเพราะพื้นที่มีจำกัด
อีกทั้งการกำหนดเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวต้องการความสนุกสนานและสะดวกสบายเพื่อการพักผ่อนโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่นิยมดื่มเบียร์ตลอดทั้งวัน หากกำหนดการจำหน่ายเป็นเวลานักท่องเที่ยวอาจไม่พอใจหรือเบื่อหน่ายในการมาท่องเที่ยว หากปล่อยนานวันก็จะหันไปเที่ยวประเทศอื่นแทน ซึ่งคู่แข่งของประเทศไทยอย่าง ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย เขาไม่มีกฎหมายข้อนี้ใช้บังคับ
“หลายข้อในกฎหมายในปีนี้เราก็เห็นว่าดี เช่นห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชนต่อเรื่องเวลาในการจำหน่ายกับระยะห่างจากเขตจำหน่ายถึงสถานที่วัด และโรงเรียน เรามองว่าไม่สมควรมี หรือถ้ามีก็ต้องมีข้อยกเว้นบ้างตามแหล่งท่องเที่ยวเราไม่ได้มองแค่โรงแรมจะเสียรายได้เพราะรายได้จากการขายเครื่องดื่มของโรงแรมส่วนใหญ่มีสัดส่วนเพียง 5% ของรายได้รวมเท่านั้น แต่สิ่งที่จะเสียหาย คือ ความเบื่อหน่ายของนักท่องเที่ยวที่จะมีต่อประเทศไทย จึงต้องการให้รัฐบาลทบทวน”
นายประกิต ชินอมรพงษ์ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ในต่างประเทศมีการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ขายเหมือนไทย ขณะที่หลายประเทศที่ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พบว่ายอดจำหน่ายกลับสูงขึ้น 10% ผู้ประกอบการไม่มีต้นทุนการตลาดจึงลดราคาขายสินค้าหลังรัฐบาลออกกฎห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สำหรับสถานการณ์โรงแรม นายประกิต กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมช่วง 2 เดือนแรก ปีนี้มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งประเทศลดลง 4-5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยในกรุงเทพฯภาพรวมแล้วลดลงกว่า 10% หากคิดเป็นเซ็กเมนโรงแรมขนาดใหญ่มีอัตราเข้าพัก 76.9% ลดลงจากปีก่อน 11.37% โรงแรมขนาดเล็กอัตราเข้าพัก 70% ต่ำกว่าปีก่อน 12%
ส่วนที่เกาะสมุย อัตราเข้าพัก 73.2% ลดลงจากปีก่อน 9.1% โดยมีเพียง 2 จังหวัดที่มีอัตราเข้าพักเติบโต คือ กระบี่และภูเก็ต อัตราเข้าพักโดยรวมของประเทศลดลง มาจากสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย ความไม่ชัดเจนทางการเมือง ข่าวลือเรื่องการลอบวางระเบิด ทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือสร้างความชัดเจนให้แก่อุตสาหกรรมนี้ก่อนที่จะสายไป