สยามพารากอนโต้โผใหญ่ ทุ่ม 50 ล้านบาท จัดงาน บางกอกอินเตอร์เนชันแนลแฟชั่นวีก ตอกย้ำไทยเป็นศูนย์กลางแฟชั่นระดับโลก
นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผู้บริหารอาวุโสสายการตลาด บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เอ็มโพเรี่ยม ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซื จำกัด กล่าวว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีเม็ดเงินมหาศาล สร้างรายได้ให้กับประเทศในปีหนึ่งๆไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท ไม่รวมกับอุตสาหกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยว การค้าและการบริการอื่นๆอีกมาก ทั้งยังมีผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแฟชั่นนี้อีกนับล้านคน
แต่เดิมประเทสไทย มักจะเป็นฐานการผลิตสินค้าหรือโออีเอ็ม ให้กับแบรนด์เนมชั้นนำจากต่างประเทศซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาเข้าสู่ยุคโอบีเอ็มหรือ การสร้างแบรนด์ หรือสัญลักษณ์ตราสินค้าจนหลายแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ เป้าหมายสูงสุดเราต้องการให้ไทยเป็นถึงขั้น โอดีเอ็ม หรือ การที่มีแบรนด์มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ และเป็นแบรดน์ในระดับสากล
การสร้างอุตสาหกรรมแฟชั่นให้เติบโตและสามารถพึ่งพาตนเองได้นั้นจำเป็นจะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ต้องมีแบรนด์ที่ดี มีการตลาดที่ดี การจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ นั่นหมายถึงการมีศูนย์การค้าที่ดีนั่นเอง จากการที่มีสยามเซ็นเตอร์ เป็นจุดกำเนิดช่องทางและสร้างความสำเร็จของดีไซเนอร์ไทยมากกว่า 30 ปี ตามมาด้วย ดิเอ็มโพเรียม และสยามพารากอน ซึ่งเป็นศูนย์รวมแฟชั่นระดับโลก ดังนั้นบริษัทฯจึงได้มีส่วนรวมในการจัดงานบางกอกอินเตอร์เนชันแนลแฟชั่นวีก โดยมีจุดมุ่งหมายหลักต้องการส่งเสริมและสนับสนุนดีไซเนอร์ของไทย โดยการสร้างโอกาสทางการตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด และยังสานต่อโครงการกรุงเทพเมืองแฟชั่นด้วย
การจัดงานในปีนี้ มีแบรนด์ชั้นนำเข้าร่วมงานด้วยหลายแบรนด์ โดยใช้งบประมาณจัดงานกว่า 50 ล้านบาท รวมทั้งหมด 13 รอบ ระหว่างวันที่ 15-18 มกราคมศกนี้
นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผู้บริหารอาวุโสสายการตลาด บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เอ็มโพเรี่ยม ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซื จำกัด กล่าวว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีเม็ดเงินมหาศาล สร้างรายได้ให้กับประเทศในปีหนึ่งๆไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท ไม่รวมกับอุตสาหกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยว การค้าและการบริการอื่นๆอีกมาก ทั้งยังมีผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแฟชั่นนี้อีกนับล้านคน
แต่เดิมประเทสไทย มักจะเป็นฐานการผลิตสินค้าหรือโออีเอ็ม ให้กับแบรนด์เนมชั้นนำจากต่างประเทศซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาเข้าสู่ยุคโอบีเอ็มหรือ การสร้างแบรนด์ หรือสัญลักษณ์ตราสินค้าจนหลายแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ เป้าหมายสูงสุดเราต้องการให้ไทยเป็นถึงขั้น โอดีเอ็ม หรือ การที่มีแบรนด์มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ และเป็นแบรดน์ในระดับสากล
การสร้างอุตสาหกรรมแฟชั่นให้เติบโตและสามารถพึ่งพาตนเองได้นั้นจำเป็นจะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ต้องมีแบรนด์ที่ดี มีการตลาดที่ดี การจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ นั่นหมายถึงการมีศูนย์การค้าที่ดีนั่นเอง จากการที่มีสยามเซ็นเตอร์ เป็นจุดกำเนิดช่องทางและสร้างความสำเร็จของดีไซเนอร์ไทยมากกว่า 30 ปี ตามมาด้วย ดิเอ็มโพเรียม และสยามพารากอน ซึ่งเป็นศูนย์รวมแฟชั่นระดับโลก ดังนั้นบริษัทฯจึงได้มีส่วนรวมในการจัดงานบางกอกอินเตอร์เนชันแนลแฟชั่นวีก โดยมีจุดมุ่งหมายหลักต้องการส่งเสริมและสนับสนุนดีไซเนอร์ของไทย โดยการสร้างโอกาสทางการตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด และยังสานต่อโครงการกรุงเทพเมืองแฟชั่นด้วย
การจัดงานในปีนี้ มีแบรนด์ชั้นนำเข้าร่วมงานด้วยหลายแบรนด์ โดยใช้งบประมาณจัดงานกว่า 50 ล้านบาท รวมทั้งหมด 13 รอบ ระหว่างวันที่ 15-18 มกราคมศกนี้