xs
xsm
sm
md
lg

หนังโฆษณาจ่อคิวลงจอมี.ค.เพียบ ชี้สื่อสิ่งพิมพ์น่าห่วง-สื่อโรงหนังรุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกสมาคมโฆษณาฯ ประเมินภาพตลาดโฆษณาปีนี้ยังน่าห่วง หลังตัวเลขรวมเดือนมกราคมออกมา สื่อหลักล้วนตกลง ชี้สื่อที่มาแรงปีนี้คือ สื่อโรงหนังและสื่ออินสโตร์ ขณะที่สื่อสิงพิมพ์ยังน่าเป็นห่วง เหตุพฤติกรรมการรับข่าวสารมีหลายช่องทาง แนะต้องปรับตัวขายคอนเท้นต์เป็นหลัก

นายวิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตัวเลขตลาดงบโฆษณาเดือนมกราคมปีนี้ที่ออกมาจากการรวบรวมของนีลเส็นมีเดียรีเสิร์ช พบว่าน่าตกใจอย่างมาก โดยมีมูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท เนื่องจากว่าเติบโตไม่มากในภาพรวม แต่สื่อโฆษณาหลักนั้นล้วนแต่ตกลงหมด คาดว่าปีนี้น่าจะเติบโตไม่เกิน 5% จากปีที่แล้วที่ตลาดรวมโฆษณารวมอยู่ที่ 86,000 ล้านบาท

ทั้งนี้คาดว่าในช่วงจากนี้โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ตลาดโฆษณาน่าจะกระเตื้องขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงหน้าร้อนจะมีกิจกรรมทางการตลาดมากสำหรับสินค้าต่างๆ อีกทั้งช่วงนี้สังเกตุได้จากหนังโฆษณาที่ส่งให้ทางกองเซ็นเซอร์พิจารณานั้นมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่อั้นการใช้งบในการสรางหนังและทำโฆษณามานาน ซึ่งจะเป็นทั้งหนังโฆษณาของสินค้าเก่าและสินค้าใหม่ที่จะเปิดตัวด้วย

สำหรับสื่อโฆษณาที่คาดว่าน่าสนใจและมีการเติบโตที่ดีในปีนี้เช่น สื่อโรงหนัง สื่ออินสโตร์ ซึ่งเติบโตมาตลอดและสื่อวิทยุที่ยังมีการขึ้นลงอยู่บ้าง โดยในส่วนของสื่อโฆษณาโรงภาพยนตร์นั้น เติบโตสูงที่สุดกว่า 300% เพราะมีราคาไม่แพง อีกทั้งปริมาณโรงหนังมีสาขากระจายถึงผู้บริโภคมากขึ้น แต่ทั้งนี้แต่ละโรงหนังควรจะต้องมีการพิจารณาควบคุมปริมาณและเวลาในการฉายโฆษณาด้วย เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภคมากเกินไป

นอกจากนั้นก็เป็นสื่ออินสโตร์ ที่น่าจับตามอง เนื่องจากเจ้าของสินค้าต้องการเน้นเรื่องการขายมากขึ้น และให้เห็นผลเร็ว ซึ่งที่ผ่านมามีการเติบโต 10-20% และปีนี้จะเติบโตไม่น้อย ขณะที่สื่อวิทยุนั้นก็ยังคงเป็นสื่อที่ยังดีอยู่ แต่ต้องพิจารณาเป็นบางคลื่นด้วย ปัจจัยที่คาดว่าจะทำให้สื่อวิทยุยังเติบโตได้อีก ก็คือ การออกอากาศแบบเนชั่นไวด์ของคลื่นวิทยุบางคลื่นซึ่งจะเป็นการเข้าหาตลาดได้กว้างมากขึ้น ส่งผลให้เจ้าของสินค้าลงโฆษณามากขึ้น อย่างไรก็ตามสื่อทีวียังคงเป็นสื่อโฆษณาหลักที่มีการเติบโตด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว ไม่น่าเป็นห่วงอะไรมากนัก

นายวิทวัสกล่าวด้วยว่า ส่วนสื่อโฆษณาที่น่าเป็นห่วงนั้นคือ สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลาย ทั้งหนังสือพิมพ์ นิยตยสาร ซึ่งปีที่แล้วพบว่าสื่อกลุ่มนี้ตกลงมากกว่า 10% เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำรงชีวิตอย่างมาก ผนวกกับการเจริญเติบโตของเทคโนโลยีทั้งหลายที่เข้ามามีบทบาทต่อการบริโภคสื่อของผู้บริโภคซึ่งคนรุ่นใหม่นิยมความสะดวกสบายและไม่ต้องการเสียเวลา อีกทั้งจะสนใจแต่ข่าวคราวที่สนใจเท่านั้น ขณะที่การรับข่าวผ่านทางเอสเอ็มเอส หรือ ทางอินเทอร์เน็ต ก็เป็นแนวโน้มที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะรวดเร็วและสะดวก

ดังนั้นผู้ประกอบการสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลายควรต้องมีการปรับบทบาทของตัวเองโดยต้องทำตัวเป็นผู้ผลิตคอนเท้นต์เป็นหลัก เพื่อนำเสนอข้อมูลที่หลากหลายและแตกต่าง รวมทั้งการมองหาช่องทางในการนำเสนอสู่ผู้บริโภคให้มากขึ้นด้วย ฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ของสื่อสิ่งพิมพ์ คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปีนี้มีแนวโน้มว่าจะลดอัตราการลงโฆษณาลงด้วย ปัจจุบันสื่อหนังสือพิมพ์มีสัดส่วนประมาณ 10-11% จากมูลค่าตลาดโฆษณาโดยรวม ส่วนสื่อแมากกาซีนมีสัดส่วนประมาณ 7-8%
กำลังโหลดความคิดเห็น