อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานสั่งคุมเข้มป้องกันอัคคีภัยจากร้านค้าก๊าซ ประกาศห้ามใช้ร้านค้าในตึกแถวเป็นที่จัดเก็บสำรองถังก๊าซ และจะอนุญาตให้ใช้เป็นห้องโชว์และไว้ติดต่อเท่านั้น โดยร้านค้าใหม่มีผลทันที ส่วนร้านค้าเก่าผ่อนผันให้นาน 15 ปี ระบุช่วยลดต้นทุนแก่ร้านค้า และไม่น่าจะเป็นปัจจัยการปรับขึ้นค่าส่งก๊าซหุงต้ม
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค. 2549-มกราคม 2550) กรมฯ ได้แก้ไขและปรับปรุงกฎหมายให้เหมาะสมกับเทคโนโลยี ภาวะเศรษฐกิจและสังคม โดยเน้นความปลอดภัย คุณภาพสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นใจแก่ประชาชน โดยมีการออกประกาศกระทรวงพลังงานไปแล้ว 7 ฉบับ และยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอีก 7 ฉบับ โดยเรื่องที่แก้ไขแล้ว เช่น หลักเกณฑ์การดูแลการจำหน่ายและขนส่งก๊าซหุงต้ม สาระสำคัญคือ ไม่ให้ร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มในตึกแถวจัดเก็บถังก๊าซไว้ในห้องแถว โดยให้ร้านในตึกแถวเป็นห้องโชว์และไว้ติดต่อเท่านั้น สามารถเก็บโชว์ได้ไม่เกิน 60 กิโลกรัม เท่านั้น ส่วนคลังเก็บก๊าซหุงต้ม ให้มีโรงเก็บอยู่ในพื้นที่ห่างไกลชุมชน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชน ป้องกันอุบัติเหตุจากก๊าซฯ ระเบิด ที่สร้างปัญหาไฟไหม้ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา รูปแบบเช่นนี้ ไม่น่าจะสร้างภาระแก่ร้านค้า เพราะร้านจะกลายเป็นที่ติดต่อ ส่วนคลังเก็บก็ให้ใช้คลังเก็บของผู้ค้ามาตรา 7 หรือโรงบรรจุ ทำให้ร้านค้าไม่มีภาระต้นทุนที่จะต้องสตอกถังก๊าซฯ ไว้ล่วงหน้า จึงไม่น่าเป็นปัจจัยในการปรับขึ้นค่าขนส่งก๊าซฯ
“การห้ามร้านค้าตึกแถวเก็บถังก๊าซฯ ไว้จำหน่าย จะมีผลทันทีสำหรับร้านก๊าซที่ขออนุญาตรายใหม่ ส่วนรายเก่าจะมีการผ่อนผัน โดยห้ามเก็บเกิน 1,200 กิโลกรัม และจะลดลงให้เหลือไม่เกิน 600 กิโลกรัม ภายใน 10 ปี หลังจากนั้นอีก 5 ปี จะต้องลดลงเหลือเก็บไว้โชว์ไม่เกิน 60 กิโลกรัม” นายเมตตา กล่าว
สำหรับประกาศกระทรวงพลังงานอีก 6 ฉบับ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ได้แก่ เรื่องการควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง 2550 ที่กำหนดให้ปั๊มน้ำมัน คลังน้ำมัน รถขนส่งน้ำมันในพื้นที่ กทม. สมุทรปราการ นนทบุรี และปทุมธานี ต้องติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมไอระเหยน้ำมัน, ประกาศเรื่องการประกันภัยคุ้มครองความเสียหายแก่บุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากการประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 เช่น ความเสียหายของปั๊มและคลังน้ำมัน, ประกาศเรื่องหลักเกณฑ์และมาตรฐานความปลอดภัยของสถานีใช้ก๊าซธรรมชาติ, ประกาศเรื่องคุณภาพน้ำมันเบนซิน, ดีเซลและแก๊สโซฮอล์ เพื่อรองรับมาตรการยุโรประดับที่ 4 หรือ ยูโร 4
ส่วนอีก 7 ฉบับ ที่อยู่ในระหว่างการแก้ไขนั้น เช่น เรื่องร่าง พ.ร.บ. การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ที่บังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ เช่น เรื่องการประกอบกิจการ หากไม่มีการสร้างปั๊ม หรือหยุดขายน้ำมันใน 3 ปี ก็จะถูกยึดใบอนุญาต เพื่อให้เกิดการจัดเก็บข้อมูลปั๊มน้ำมันที่ชัดเจน การปรับบทลงโทษกรณีการจำหน่ายน้ำมันคุณภาพต่ำให้รุนแรงขึ้น จากเดิมที่ให้มีการลงโทษด้วยการปรับตามมูลค่าน้ำมัน ก็ให้เพิ่มโทษทั้งจำและปรับ โดยให้ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี เป็นต้น
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค. 2549-มกราคม 2550) กรมฯ ได้แก้ไขและปรับปรุงกฎหมายให้เหมาะสมกับเทคโนโลยี ภาวะเศรษฐกิจและสังคม โดยเน้นความปลอดภัย คุณภาพสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นใจแก่ประชาชน โดยมีการออกประกาศกระทรวงพลังงานไปแล้ว 7 ฉบับ และยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอีก 7 ฉบับ โดยเรื่องที่แก้ไขแล้ว เช่น หลักเกณฑ์การดูแลการจำหน่ายและขนส่งก๊าซหุงต้ม สาระสำคัญคือ ไม่ให้ร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มในตึกแถวจัดเก็บถังก๊าซไว้ในห้องแถว โดยให้ร้านในตึกแถวเป็นห้องโชว์และไว้ติดต่อเท่านั้น สามารถเก็บโชว์ได้ไม่เกิน 60 กิโลกรัม เท่านั้น ส่วนคลังเก็บก๊าซหุงต้ม ให้มีโรงเก็บอยู่ในพื้นที่ห่างไกลชุมชน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชน ป้องกันอุบัติเหตุจากก๊าซฯ ระเบิด ที่สร้างปัญหาไฟไหม้ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา รูปแบบเช่นนี้ ไม่น่าจะสร้างภาระแก่ร้านค้า เพราะร้านจะกลายเป็นที่ติดต่อ ส่วนคลังเก็บก็ให้ใช้คลังเก็บของผู้ค้ามาตรา 7 หรือโรงบรรจุ ทำให้ร้านค้าไม่มีภาระต้นทุนที่จะต้องสตอกถังก๊าซฯ ไว้ล่วงหน้า จึงไม่น่าเป็นปัจจัยในการปรับขึ้นค่าขนส่งก๊าซฯ
“การห้ามร้านค้าตึกแถวเก็บถังก๊าซฯ ไว้จำหน่าย จะมีผลทันทีสำหรับร้านก๊าซที่ขออนุญาตรายใหม่ ส่วนรายเก่าจะมีการผ่อนผัน โดยห้ามเก็บเกิน 1,200 กิโลกรัม และจะลดลงให้เหลือไม่เกิน 600 กิโลกรัม ภายใน 10 ปี หลังจากนั้นอีก 5 ปี จะต้องลดลงเหลือเก็บไว้โชว์ไม่เกิน 60 กิโลกรัม” นายเมตตา กล่าว
สำหรับประกาศกระทรวงพลังงานอีก 6 ฉบับ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ได้แก่ เรื่องการควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง 2550 ที่กำหนดให้ปั๊มน้ำมัน คลังน้ำมัน รถขนส่งน้ำมันในพื้นที่ กทม. สมุทรปราการ นนทบุรี และปทุมธานี ต้องติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมไอระเหยน้ำมัน, ประกาศเรื่องการประกันภัยคุ้มครองความเสียหายแก่บุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากการประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 เช่น ความเสียหายของปั๊มและคลังน้ำมัน, ประกาศเรื่องหลักเกณฑ์และมาตรฐานความปลอดภัยของสถานีใช้ก๊าซธรรมชาติ, ประกาศเรื่องคุณภาพน้ำมันเบนซิน, ดีเซลและแก๊สโซฮอล์ เพื่อรองรับมาตรการยุโรประดับที่ 4 หรือ ยูโร 4
ส่วนอีก 7 ฉบับ ที่อยู่ในระหว่างการแก้ไขนั้น เช่น เรื่องร่าง พ.ร.บ. การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ที่บังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ เช่น เรื่องการประกอบกิจการ หากไม่มีการสร้างปั๊ม หรือหยุดขายน้ำมันใน 3 ปี ก็จะถูกยึดใบอนุญาต เพื่อให้เกิดการจัดเก็บข้อมูลปั๊มน้ำมันที่ชัดเจน การปรับบทลงโทษกรณีการจำหน่ายน้ำมันคุณภาพต่ำให้รุนแรงขึ้น จากเดิมที่ให้มีการลงโทษด้วยการปรับตามมูลค่าน้ำมัน ก็ให้เพิ่มโทษทั้งจำและปรับ โดยให้ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี เป็นต้น