“พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม” ต่อยอดอาชีพหมัดมวย ลงสนามธุรกิจ ตั้งทีมงาน ปั้นแบรนด์ “ไทยแชมเปี้ยน” ลงสู่ลาดครีมนวด พร้อมรับบทเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย เล็งรุกด้วยระบบแฟรนไชส์พร้อมศูนย์บริการนวด งัดกลยุทธ์ตั้งบูธตามย่านทั่วไปเพื่อสร้างแบรนด์ พร้อมลุยตลาดต่างประเทศ
อาจารย์บรรจง โสภิน ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสินค้า ครีมนวดแบรนด์ “ไทยแชมเปี้ยน”หนึ่งในทีมงานของ พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม นักมวยสากลแชมเปี้ยนโลกรุ่นฟลายเวท สภามวยโลกชื่อดังชาวไทย กล่าวว่า ขณะนี้ นายพงศ์กร วันจงคำ หรือที่รู้จักกันดีว่า “พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม” ได้เข้าสู่สนามธุรกิจแล้ว เพื่อเป็นการสร้างอาชีพรองรับชีวิตในอนาคต โดยล่าสุดได้เข้ารับผิดชอบการทำตลาดให้กับครีมนวดแบรนด์ “ไทยแชมเปี้ยน” และยังรับหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ด้วย
ทั้งนี้สินค้าดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “สมุนไพรแห่งชาติ” ที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (National Innovation Agency/NIA) ร่วมจัดทำขึ้นซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระดับประเทศ เพื่อพัฒนาและยกระดับของสมุนไพรไทยสู่รูปแบบของสารสกัดด้วยมาตรฐานทางการวิจัยจากกลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำมากกว่า 200 ราย และงบประมาณสำหรับการวิจัยอีกกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีหลายโครงการที่ประสบความสำเร็จไปแล้วเช่น โครงการสมุนไพรแห่งชาติไพลทานอยด์ซึ่งพัฒนามาเป็นครีมนวดไทยแชมเปี้ยนดังกล่าว โครงการสมุนไพรแห่งชาติพิลลาแลกซ์ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการต่อยอดให้กับโครงการนี้กลยุทธ์การทำตลาดของ แบรนด์ไทยแชมเปี้ยนนี้
อาจารย์บรรจงกล่าวว่า จะมีการทำไปเป็นขั้นตอน แบบเรียบง่าย เพราะเราไม่ได้มีงบประมาณการตลาดมากมายนัก แต่จะใช้วิธีการสื่อสารด้วยคุณสมบัติของตัวสินค้าเป็นหลัก โดยทางทีมงานของพงษ์ศักดิ์เล็กเข้ามารับผิดชอบด้านการตลาด การขาย และจะมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากการขายที่ตกลงกันไว้ตามเงื่อนไขจากทาง เอ็นไอเอ
ที่ผ่านมาสินค้าครีมนวดเริ่มมีการวางจำหน่ายบ้างแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่หลากหลายเพราะอยู่ในช่วงของการเริ่มต้น นอกจากนั้นก็มีการตั้งบูธออกงานต่างๆ หรือการเปิดบูธตามสถานที่หน่วยงานราชการ ตามย่านชุมชน ทั่วไปเป็นระยะๆ เช่น โรงงานยาสูบ สนามมวย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามทางกลุ่มมีแผนที่จะเปิดแผนการขายแฟรนไชส์อย่างเป็นทางการ โดยจะแต่งตั้งผู้ที่สนใจรับผิดชอบการทำตลาดแต่ละพื้นที่ในลักษณะแฟรนไชส์ พร้อมกับจะมีการตั้งศูนย์บริการนวดด้วยควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดการบริการครบวงจร ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มแล้วเช่น แฟรนไชส์ที่เปิดร้านอยู่ในศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์ ซึ่งจะมีบริการการนวดด้วย และแฟรนไชส์รายเดิมนี้มีแผนที่จะเปิดอีกอย่างน้อย 2 แห่งคือ ที่หมอชิตและสุขุมวิท
นอกจากนั้นในฐานะที่พงษ์ศักดิ์เล็กเป็นนักมวยชื่อดังระดับแชมเปี้ยนโลกแล้ว ขณะที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ความเหมาะสมกับผู้ที่เล่นกีฬาอยู่แล้ว ทางกลุ่มจึงมีแผนที่จะหาทางร่วมมือกันกับทางสมาคมกีฬาต่างๆ เช่นในเบื้องต้นคือ สมาคมมวยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เพื่อที่จะทำให้ครีมนวดดังกล่าวเป็นที่รู้จักแพร่หลาย
สำหรับผลิตภัณฑ์ ไทยแชมเปี้ยนนี้ ในช่วงแรก วางตลาดด้วยครีมนวด มี 2 แบบคือ เป็นแบบขวดใช้กด ขวดละ 200 บาท และ แบบตลับแป้ง ราคา 150 บาท เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่เล่นกีฬาและคนทั่วไปที่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ นอกจากครีมนวดแล้ว ยังมีการขยายไลน์สินค้าอย่างอื่นในรูปแบบเมอร์ชันไดซ์แบรนด์ไทยแชมเปี้ยนของพงษ์ศักดิ์เล็กเองอีกด้วยเช่น เสื้อยืดโปโล พวงกุญแจ
อาจารย์บรรจงมองว่า โดยส่วนตัวแล้ว โอกาสที่แบรนด์ครีมนวด ไทยแชมป์เปี้ยน จะไปต่างประเทศนั้นไม่ยาก โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นและประเทศใกล้เคียง เนื่องจากว่า ตัวของพงษ์ศักดิ์เล็กเองนั้นก็มีแฟนคลับชาวญี่ปุ่น เป็นจำนวนมากไม่ต่ำกว่าแสนคนที่หลงใหลและชื่นชมในฝีไม้ลายมือหมัดมวยของพงษ์ศักดิ์เล็ก ซึ่งน่าจะเป็นฐานการตลาดรองรับได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแผนงานในอนาคตและความเหมาะสมว่าจะเป็นอย่างไร
ล่าสุดกลุ่มธุรกิจคนไทยที่มีความสนใจได้เข้าเจรจาเพื่อที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปจำหน่ายต่างประเทศเช่น อเมริกา เวียดนาม ไต้หวัน ซึ่งการทำตลาดในแต่ละประเทศอาจจะใช้พรีเซ็นเตอร์ของคนท้องถิ่นหรือเป็นชาวต่างประเทศที่คุ้นกันดี เช่น ที่ไต้หวันในเบื้องต้นทางคู่ค้ามองว่าอาจจะเป็น “เคน” นักร้องดังของวงเอฟโฟร์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
อาจารย์บรรจง โสภิน ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสินค้า ครีมนวดแบรนด์ “ไทยแชมเปี้ยน”หนึ่งในทีมงานของ พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม นักมวยสากลแชมเปี้ยนโลกรุ่นฟลายเวท สภามวยโลกชื่อดังชาวไทย กล่าวว่า ขณะนี้ นายพงศ์กร วันจงคำ หรือที่รู้จักกันดีว่า “พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม” ได้เข้าสู่สนามธุรกิจแล้ว เพื่อเป็นการสร้างอาชีพรองรับชีวิตในอนาคต โดยล่าสุดได้เข้ารับผิดชอบการทำตลาดให้กับครีมนวดแบรนด์ “ไทยแชมเปี้ยน” และยังรับหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ด้วย
ทั้งนี้สินค้าดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “สมุนไพรแห่งชาติ” ที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (National Innovation Agency/NIA) ร่วมจัดทำขึ้นซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระดับประเทศ เพื่อพัฒนาและยกระดับของสมุนไพรไทยสู่รูปแบบของสารสกัดด้วยมาตรฐานทางการวิจัยจากกลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำมากกว่า 200 ราย และงบประมาณสำหรับการวิจัยอีกกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีหลายโครงการที่ประสบความสำเร็จไปแล้วเช่น โครงการสมุนไพรแห่งชาติไพลทานอยด์ซึ่งพัฒนามาเป็นครีมนวดไทยแชมเปี้ยนดังกล่าว โครงการสมุนไพรแห่งชาติพิลลาแลกซ์ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการต่อยอดให้กับโครงการนี้กลยุทธ์การทำตลาดของ แบรนด์ไทยแชมเปี้ยนนี้
อาจารย์บรรจงกล่าวว่า จะมีการทำไปเป็นขั้นตอน แบบเรียบง่าย เพราะเราไม่ได้มีงบประมาณการตลาดมากมายนัก แต่จะใช้วิธีการสื่อสารด้วยคุณสมบัติของตัวสินค้าเป็นหลัก โดยทางทีมงานของพงษ์ศักดิ์เล็กเข้ามารับผิดชอบด้านการตลาด การขาย และจะมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากการขายที่ตกลงกันไว้ตามเงื่อนไขจากทาง เอ็นไอเอ
ที่ผ่านมาสินค้าครีมนวดเริ่มมีการวางจำหน่ายบ้างแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่หลากหลายเพราะอยู่ในช่วงของการเริ่มต้น นอกจากนั้นก็มีการตั้งบูธออกงานต่างๆ หรือการเปิดบูธตามสถานที่หน่วยงานราชการ ตามย่านชุมชน ทั่วไปเป็นระยะๆ เช่น โรงงานยาสูบ สนามมวย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามทางกลุ่มมีแผนที่จะเปิดแผนการขายแฟรนไชส์อย่างเป็นทางการ โดยจะแต่งตั้งผู้ที่สนใจรับผิดชอบการทำตลาดแต่ละพื้นที่ในลักษณะแฟรนไชส์ พร้อมกับจะมีการตั้งศูนย์บริการนวดด้วยควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดการบริการครบวงจร ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มแล้วเช่น แฟรนไชส์ที่เปิดร้านอยู่ในศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์ ซึ่งจะมีบริการการนวดด้วย และแฟรนไชส์รายเดิมนี้มีแผนที่จะเปิดอีกอย่างน้อย 2 แห่งคือ ที่หมอชิตและสุขุมวิท
นอกจากนั้นในฐานะที่พงษ์ศักดิ์เล็กเป็นนักมวยชื่อดังระดับแชมเปี้ยนโลกแล้ว ขณะที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ความเหมาะสมกับผู้ที่เล่นกีฬาอยู่แล้ว ทางกลุ่มจึงมีแผนที่จะหาทางร่วมมือกันกับทางสมาคมกีฬาต่างๆ เช่นในเบื้องต้นคือ สมาคมมวยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เพื่อที่จะทำให้ครีมนวดดังกล่าวเป็นที่รู้จักแพร่หลาย
สำหรับผลิตภัณฑ์ ไทยแชมเปี้ยนนี้ ในช่วงแรก วางตลาดด้วยครีมนวด มี 2 แบบคือ เป็นแบบขวดใช้กด ขวดละ 200 บาท และ แบบตลับแป้ง ราคา 150 บาท เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่เล่นกีฬาและคนทั่วไปที่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ นอกจากครีมนวดแล้ว ยังมีการขยายไลน์สินค้าอย่างอื่นในรูปแบบเมอร์ชันไดซ์แบรนด์ไทยแชมเปี้ยนของพงษ์ศักดิ์เล็กเองอีกด้วยเช่น เสื้อยืดโปโล พวงกุญแจ
อาจารย์บรรจงมองว่า โดยส่วนตัวแล้ว โอกาสที่แบรนด์ครีมนวด ไทยแชมป์เปี้ยน จะไปต่างประเทศนั้นไม่ยาก โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นและประเทศใกล้เคียง เนื่องจากว่า ตัวของพงษ์ศักดิ์เล็กเองนั้นก็มีแฟนคลับชาวญี่ปุ่น เป็นจำนวนมากไม่ต่ำกว่าแสนคนที่หลงใหลและชื่นชมในฝีไม้ลายมือหมัดมวยของพงษ์ศักดิ์เล็ก ซึ่งน่าจะเป็นฐานการตลาดรองรับได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแผนงานในอนาคตและความเหมาะสมว่าจะเป็นอย่างไร
ล่าสุดกลุ่มธุรกิจคนไทยที่มีความสนใจได้เข้าเจรจาเพื่อที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปจำหน่ายต่างประเทศเช่น อเมริกา เวียดนาม ไต้หวัน ซึ่งการทำตลาดในแต่ละประเทศอาจจะใช้พรีเซ็นเตอร์ของคนท้องถิ่นหรือเป็นชาวต่างประเทศที่คุ้นกันดี เช่น ที่ไต้หวันในเบื้องต้นทางคู่ค้ามองว่าอาจจะเป็น “เคน” นักร้องดังของวงเอฟโฟร์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์