ผู้อำนวยการ กทท.เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมขอผ่อนปรนมาตรการจำกัดตู้สินค้าท่าเรือกรุงเทพไว้ไม่เกิน 1 ล้านทีอียู หลังจากปริมาณสินค้าผ่านท่าเรือกรุงเทพยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดในปี 2549 มีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าเรือกว่า 1.45 ล้านทีอียู และคาดว่าปี 2550 จะมีปริมาณตู้สินค้าถึง 1.51 ล้านทีอียู
นางสุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) รายงานต่อ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร กทท. ว่าผลการดำเนินงานของ กทท. ในปี 2549 มีกำไรสุทธิ 1,391 ล้านบาท คาดว่าในปี 2550 จะมีกำไรสุทธิ 1,527 ล้านบาท โดยในปีที่แล้วมีปริมาณเรือผ่านท่าเรือกรุงเทพ 2,826 เที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ท่าเรือแหลมฉบังผ่าน 6,149 เที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.29 โดยท่าเรือกรุงเทพมีปริมาณตู้สินค้า 1.45 ล้านทีอียู เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 ท่าเรือแหลมฉบังมีปริมาณตู้สินค้า 4.10 ทีอียู เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 คาดว่าในปี 2550 ท่าเรือกรุงเทพจะมีปริมาณตู้สินค้า 1.51 ล้านทีอียู ส่วนท่าเรือแหลมฉบังจะมีปริมาณตู้สินค้า 4.31 ล้านทีอียู จึงต้องเร่งพัฒนาศักยภาพท่าเรือเพื่อรองรับการขยายตัวทางการค้าให้เป็นประตูการค้าสำคัญสำหรับภูมิภาคอินโดจีนและจีนตอนใต้
ทั้งนี้ ปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังรองรับสินค้าได้ 4 ล้านทีอียู ซึ่ง กทท. กำลังเร่งก่อสร้างท่าเรือ BASIN 2 สามารถรับสินค้าเพิ่มเป็น 10.8 ล้านทีอียู โดยจะทยอยเปิดใช้งานให้ครบภายในปี 2554 ส่วนท่าเรือ BASIN 3 อยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งจะรองรับสินค้าได้ถึง 8 ล้านทีอียู รวมท่าเรือแหลมฉบังจะรองรับสินค้าได้ 18.8 ล้านทีอียู แต่สำหรับมาตรการจำกัดปริมาณตู้สินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพซึ่งกำหนดไว้ที่ 1 ล้านทีอียู จากการรองรับสินค้าในปัจจุบันเกินขีดความสามารถของท่าเรือ ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานยังไม่สามารถรองรับได้ทัน ทั้งเรื่องระบบรถไฟฟ้า ถนน และระบบขนถ่าย และเห็นว่าปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพฯ คล่องมากขึ้น จึงเสนอ พล.ร.อ.ธีระ ขอผ่อนปรนมาตรการจำกัดตู้สินค้าในท่าเรือกรุงเทพที่ 1 ล้านที่อียู เพื่อนำเข้าสินค้าให้มากขึ้น
นางสุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) รายงานต่อ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร กทท. ว่าผลการดำเนินงานของ กทท. ในปี 2549 มีกำไรสุทธิ 1,391 ล้านบาท คาดว่าในปี 2550 จะมีกำไรสุทธิ 1,527 ล้านบาท โดยในปีที่แล้วมีปริมาณเรือผ่านท่าเรือกรุงเทพ 2,826 เที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ท่าเรือแหลมฉบังผ่าน 6,149 เที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.29 โดยท่าเรือกรุงเทพมีปริมาณตู้สินค้า 1.45 ล้านทีอียู เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 ท่าเรือแหลมฉบังมีปริมาณตู้สินค้า 4.10 ทีอียู เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 คาดว่าในปี 2550 ท่าเรือกรุงเทพจะมีปริมาณตู้สินค้า 1.51 ล้านทีอียู ส่วนท่าเรือแหลมฉบังจะมีปริมาณตู้สินค้า 4.31 ล้านทีอียู จึงต้องเร่งพัฒนาศักยภาพท่าเรือเพื่อรองรับการขยายตัวทางการค้าให้เป็นประตูการค้าสำคัญสำหรับภูมิภาคอินโดจีนและจีนตอนใต้
ทั้งนี้ ปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังรองรับสินค้าได้ 4 ล้านทีอียู ซึ่ง กทท. กำลังเร่งก่อสร้างท่าเรือ BASIN 2 สามารถรับสินค้าเพิ่มเป็น 10.8 ล้านทีอียู โดยจะทยอยเปิดใช้งานให้ครบภายในปี 2554 ส่วนท่าเรือ BASIN 3 อยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งจะรองรับสินค้าได้ถึง 8 ล้านทีอียู รวมท่าเรือแหลมฉบังจะรองรับสินค้าได้ 18.8 ล้านทีอียู แต่สำหรับมาตรการจำกัดปริมาณตู้สินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพซึ่งกำหนดไว้ที่ 1 ล้านทีอียู จากการรองรับสินค้าในปัจจุบันเกินขีดความสามารถของท่าเรือ ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานยังไม่สามารถรองรับได้ทัน ทั้งเรื่องระบบรถไฟฟ้า ถนน และระบบขนถ่าย และเห็นว่าปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพฯ คล่องมากขึ้น จึงเสนอ พล.ร.อ.ธีระ ขอผ่อนปรนมาตรการจำกัดตู้สินค้าในท่าเรือกรุงเทพที่ 1 ล้านที่อียู เพื่อนำเข้าสินค้าให้มากขึ้น