xs
xsm
sm
md
lg

บุญรอดฯเล็งขายเบียร์5ขวด100 แฉเหล้าขาวทำคนไทยขี้เมา-จี้รีดภาษีเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บุญรอดฯ ผุดแผนรับมือยุคมืดห้ามน้ำเมาโฆษณา 24 ชั่วโมง สงครามราคาฟองเบียร์ปะทุ จ่อคิวปั้นเบียร์ยี่ห้อใหม่ ชูราคา 5 ขวด 100 บาทถล่ม ไล่บี้ภาครัฐขึ้นภาษีเหล้าขาว ควักข้อมูล WHO จวกเหล้าขาวคนไทยซด 7.13 ลิตรต่อคนต่อปี ต้นเหตุทำเมืองพุทธติดอันดับดื่มน้ำเมาอันดับ 5 ของโลก

นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์สิงห์ฯลฯ เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดกรณีประกาศจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมงว่า ตามหนังสือฉบับที่ 5-92/49 คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า อย.ไม่มีอำนาจออกประกาศห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมง และให้เลื่อนกำหนดใช้จากวันที่ 3 ธ.ค. 49 เป็นวันที่ 2 ม.ค. 50 ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะเลื่อนออกไปอีก ในส่วนนี้มีผลต่อการทำตลาดในปีหน้าของผู้ประกอบการ โดยไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

สำหรับแผนการตลาดของบริษัทฯ กรณีห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24ชั่วโมง ได้เตรียมเปิดตัวเหล้าแบรนด์ใหม่ในปีหน้านี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีสินค้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนา 20ตัว โดยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่จะใช้กลยุทธ์ราคาวางราคา 5 ขวด 100 บาท ทั้งนี้เพื่อรองรับกับสงครามราคาที่จะเกิดขึ้นในตลาดเบียร์ ซึ่งจะมีผลทำให้ตลาดเบียร์มูลค่า 8.2 หมื่นล้านบาท การเติบโตจะเป็นในเชิงปริมาณ 10% ส่วนในเชิงมูลค่าจะไม่เติบโต ใกล้เคียงกับปี 2545-2546 ซึ่งในช่วงนั้นภาวะเศรษฐกิจดี ส่งผลให้คนหันมาบริโภคเบียร์มากขึ้น โดยในเชิงปริมาณเติบโต 11-12%

“ผมทำธุรกิจเมื่อสงครามราคาเกิด ก็ต้องเตรียมสินค้ารองรับ เพราะในอนาคตการเปิดเขตเสรีการค้า โอกาสที่เบียร์จากจีนจะทะลักเข้ามาโดยใช้กลยุทธ์ราคาทำตลาดก็มีสูง อย่างไรก็ตาม การห้ามโฆษณาทุกประเภท ถือเป็นการกีดกันทางการค้าที่ขัดต่อกฎเกณฑ์ขององค์กรการค้าโลก (WTO) เป็นอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี indirect non –tariff barrier ทำให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประเทศสมาชิกเสียเปรียบผู้ผลิตท้องถิ่น”

นอกจากนี้การห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา ยังมีผลต่อการขยายตลาดต่างประเทศ เพราะภายในประเทศไม่สามารถสร้างแบรนด์ได้ และการที่บริษัทฯจะขนเม็ดเงินไป เพื่อทำโฆษณาจากต่างประเทศเข้ามา บริษัทฯก็ไม่มีนโยบายเพราะเท่ากับว่าเป็นการขนเม็ดเงินให้กับต่างประเทศ จากในแต่ละปีบริษัทฯใช้งบโฆษณา 2,000 ล้านบาท ส่วนกรณีโลโก้สิงห์ และชื่อบริษัทที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ยืนยันที่จะไม่เปลี่ยนแปลงและรอต่อสู้กันในทางกฎหมาย

นายสันติ กล่าวต่อถึงกรณีการใช้มาตรการห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณาหลัง 22.00น. หรือมาตรเดิมว่า จะทำให้ตลาดเบียร์ปีหน้าโต 4% ใกล้เคียงกับตลาดเบียร์กลางปี 48-49 ที่โต 5-6% ส่วนแนวโน้มตลาดมองว่าเบียร์ดีกรีต่ำจะเป็นเซกเมนต์ที่ได้รับความนิยม เพราะสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับโครงสร้างภาษีที่จัดเก็บตามปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ จากปัจจุบันภาษีเบียร์เก็บหน้าโรงงาน ทั้งนี้หากโครงสร้างภาษีเปลี่ยนใหม่ บริษัทฯก็เตรียมเปิดเบียร์ตัวใหม่ เพื่อตอบสนองความหลากหลายของผู้บริโภค

ชี้โพรงรัฐรีดภาษีเหล้าขาวเพิ่ม
นายสันติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้นำตัวเลขจากเวิลด์ เฮลธ์ ออแกไนเซชั่น (Word Health Organization : WHO) มาโต้แย้งกับข้อมูลที่กล่าวว่าคนไทยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเป็นอันดับที่ 5 ของโลก เป็นเพียงข้ออ้างที่อย.ต้องการควบคุมด้วยการห้ามโฆษณา และร่างกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ข้อมูลจาก WHO ระบุว่าทั่วโลกมีผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงถึง 2,000 ล้านคน มีคนเจ็บป่วยเพราะเหล้าแล้ว 76.3 ล้านคน เสียชีวิต 1.8 ล้านคนต่อปี หรือวันละ 5,000 คน หรือชั่วโมงละ 205 คน

สำหรับไทยมีผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ยปีละ 8.47 ลิตรต่อคน หรือเป็นอันดับที่ 40 จากจำนวน 143 ประเทศ ขณะที่ปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ยของคนทั่วโลกมีเพียง 6.2 ลิตรต่อคนต่อปี แสดงให้เห็นว่าคนไทยดื่มเฉลี่ยมากกว่าทั่วโลก 2.27 ลิตร โดยอัตราการบริโภคของคนไทย แบ่งเป็นการบริโภคเบียร์ 1.31 ลิตรต่อคนต่อปี ติดอันดับที่ 85 ส่วนไวน์ 0.04 ลิตรต่อคนต่อปี อันดับที่ 124 ส่วนสุรากลั่น 7.13 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งต้นเหตุนี้ทำให้ไทยติดอันดับ 5 ของโลก

นายสันติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง เพื่อลดปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์ของไทยลง จะต้องแก้ปัญหาเหล้าขาวให้ได้เสียก่อน ด้วยวิธีขึ้นภาษีหรือวิธีอื่นใดที่ราชการเห็นควร การห้ามโฆษณาไม่มีผลอะไรต่อเหล้าขาว 35-40 ดีกรีเลย เพราะขายได้ดีโดยไม่มีโฆษณา จุดขาย คือ ราคาถูกเนื่องจากเสียภาษีสุราต่ำที่สุดราวดีกรีละ 70 สตางค์ หรือขวดละ 17.50 บาทในขนาด 625 ซีซี 40 ดีกรี เมื่อเทียบกับเบียร์ดีกรีละ 1 บาท อย่างไรก็ตามบริษัทฯไม่ได้ออกมาเรียกร้อง แต่ต้องการให้ภาครัฐแก้ปัญหาอยู่บนรากฐานของความเป็นจริง ถ้าอยากให้คนไทยลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ก็ต้องปรับเพิ่มภาษีเพิ่มขึ้น

สำหรับผลประกอบปีนี้ บริษัทฯยังไม่ได้รับผลกระทบจากประกาศห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมง โดยครองส่วนแบ่ง 48% ไล่เลี่ยกับไทยเบฟฯ หรือเบียร์ช้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น