โรซ่าประกาศนโยบายปี 50 เดินเกมแตกเซกเมนต์ใหม่ พัฒนาสินค้าสร้างมูลค่า รับมือปรากฎการณ์ภาวะโลกร้อนป่วนพืชผลทางการเกษตร-ปลาขาดแคลนหนัก ตลาดปลากระป๋อง ผักกาดดองอ่วม อัดฉีดงบ 100 ล้านบาท ปั้นสินค้าใหม่แจ้งเกิด ปีหน้าตั้งเป้าโต 10% จากการมีรายได้ 1,500 ล้านบาท
นายสุวิทย์ วังพัฒนมงคล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไฮคิวผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซอสพริก-มะเขือเทศและปลากระป๋องตรา"โรซ่า" เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอาหารสำเร็จรูปในปีหน้านี้ไม่ค่อยดีมากนัก เนื่องจากมีปัจจัยลบด้วยกันหลายประการที่เกิดขึ้นจากปรากฎการณ์เอลนินโย ทำให้อุณหภูมิโลกร้อนขึ้น ดังนั้นโอกาสที่ปลาที่อาศัยอยู่ย่านมหาสมุทรแปซิฟิคจะอพยพไปน่านน้ำอื่นก็มีสูง ในส่วนนี้คาดว่าปีหน้าตลาดปลากระป๋องสำเร็จรูปมูลค่า 3,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตน้อยลงมีสูงมาก เนื่องจากปลาจะขาดแคลน จากปีนี้ตลาดโต 5-7%
ส่วนตลาดอาหารสำเร็จรูปทางเกษตร ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยมีโอกาสที่ปีหน้าฝนจะตกน้อยลงและอาจเกิดภัยแล้ง ซึ่งคาดว่าตลาดผักกาดดองสำเร็จรูปมูลค่า 1,000ล้านบาท จากปีนี้ที่สภาพตลาดหดตัวลง เพราะได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และคาดว่าปีหน้าตลาดจะหดตัวลงเพราะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทั้งนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งสองตลาด ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าของบริษัทโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีกมีสูง จากปีนี้ต้นทุนการผลิตเฉพาะในส่วนวัตถุดิบเพิ่มถึง 15-20%
นโยบายการตลาดในปีหน้านี้ บริษัทจะพัฒนาสินค้าที่สร้างมูลค่า และสร้างตลาดด้วยการเปิดเซกเมนต์ใหม่ โดยได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ 2ประเภท นอกจากนี้ยังพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ลงสู่ตลาด ทั้งนี้เพื่อรับมือกับปัจจัยที่กล่าวข้างต้น และการแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น ผลจากการที่ประเทศไทยเปิดเขตเสรีการค้าระหว่างประเทศ สินค้าทางการเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ราคาถูกกว่าของคู่แข่งไหลเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก
ปีหน้านี้บริษัทได้ทุ่มงบการตลาด 80-100 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงต้นปีจะรุกซอสพริกไทยอย่างหนัก ภายใต้การใช้งบการตลาด 20-30 ล้านบาท ผ่านการจัดทำสื่อโฆษณาและกิจกรรมการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนด้านการลงทุนในปีหน้านี้บริษัทยังไม่มีแผน เนื่องจากมองว่าสภาวะด้านเศรษฐกิจและตลาดอาหารสำเร็จรูปไม่เอื้อมากนัก โดยการแข่งขันปีหน้านี้ผู้ประกอบการยังแข่งด้านการลด แลก แจก แถม อย่างรุนแรง เพื่อช่วงชิงกำลังการซื้อที่ลดลงของผู้บริโภค
สำหรับผลประกอบการปีนี้ มีรายได้เท่ากับปีที่ผ่านมาคือ 1,500 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง ส่วนในปีหน้านี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% โดยปัจจุบันซอสพริก-มะเขือเทศโรซ่า เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50% จากมูลค่า 500 ล้านบาท
นายสุวิทย์ วังพัฒนมงคล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไฮคิวผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซอสพริก-มะเขือเทศและปลากระป๋องตรา"โรซ่า" เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอาหารสำเร็จรูปในปีหน้านี้ไม่ค่อยดีมากนัก เนื่องจากมีปัจจัยลบด้วยกันหลายประการที่เกิดขึ้นจากปรากฎการณ์เอลนินโย ทำให้อุณหภูมิโลกร้อนขึ้น ดังนั้นโอกาสที่ปลาที่อาศัยอยู่ย่านมหาสมุทรแปซิฟิคจะอพยพไปน่านน้ำอื่นก็มีสูง ในส่วนนี้คาดว่าปีหน้าตลาดปลากระป๋องสำเร็จรูปมูลค่า 3,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตน้อยลงมีสูงมาก เนื่องจากปลาจะขาดแคลน จากปีนี้ตลาดโต 5-7%
ส่วนตลาดอาหารสำเร็จรูปทางเกษตร ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยมีโอกาสที่ปีหน้าฝนจะตกน้อยลงและอาจเกิดภัยแล้ง ซึ่งคาดว่าตลาดผักกาดดองสำเร็จรูปมูลค่า 1,000ล้านบาท จากปีนี้ที่สภาพตลาดหดตัวลง เพราะได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และคาดว่าปีหน้าตลาดจะหดตัวลงเพราะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทั้งนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งสองตลาด ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าของบริษัทโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีกมีสูง จากปีนี้ต้นทุนการผลิตเฉพาะในส่วนวัตถุดิบเพิ่มถึง 15-20%
นโยบายการตลาดในปีหน้านี้ บริษัทจะพัฒนาสินค้าที่สร้างมูลค่า และสร้างตลาดด้วยการเปิดเซกเมนต์ใหม่ โดยได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ 2ประเภท นอกจากนี้ยังพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ลงสู่ตลาด ทั้งนี้เพื่อรับมือกับปัจจัยที่กล่าวข้างต้น และการแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น ผลจากการที่ประเทศไทยเปิดเขตเสรีการค้าระหว่างประเทศ สินค้าทางการเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ราคาถูกกว่าของคู่แข่งไหลเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก
ปีหน้านี้บริษัทได้ทุ่มงบการตลาด 80-100 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงต้นปีจะรุกซอสพริกไทยอย่างหนัก ภายใต้การใช้งบการตลาด 20-30 ล้านบาท ผ่านการจัดทำสื่อโฆษณาและกิจกรรมการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนด้านการลงทุนในปีหน้านี้บริษัทยังไม่มีแผน เนื่องจากมองว่าสภาวะด้านเศรษฐกิจและตลาดอาหารสำเร็จรูปไม่เอื้อมากนัก โดยการแข่งขันปีหน้านี้ผู้ประกอบการยังแข่งด้านการลด แลก แจก แถม อย่างรุนแรง เพื่อช่วงชิงกำลังการซื้อที่ลดลงของผู้บริโภค
สำหรับผลประกอบการปีนี้ มีรายได้เท่ากับปีที่ผ่านมาคือ 1,500 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง ส่วนในปีหน้านี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% โดยปัจจุบันซอสพริก-มะเขือเทศโรซ่า เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 50% จากมูลค่า 500 ล้านบาท