“ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” ปฏิเสธกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วยการดึง “วีรพงษ์ รามางกูร” มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันไม่จำเป็นต้องเพิ่มทีมเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เหลือเพียงปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลอยู่
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยให้ นายวีรพงษ์ รามางกูร มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่ายังไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าวมาก่อน
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จนถึงขณะนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้เพิ่มขึ้น จะทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มทีมเศรษฐกิจหรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทีมเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เงินทุนยังไหลเข้าประเทศไทย การลงทุนใหม่ก็เพิ่มขึ้นทุกวัน เพียงแต่รัฐบาลไม่ต้องการประชาสัมพันธ์มากนัก ปัญหาเศรษฐกิจเหลือเพียงเรื่องเดียว คือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังดูแลอยู่
“เมื่อดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น ไม่เห็นมีใครพูดถึง แต่กลับพูดถึงเฉพาะเมื่อดัชนีความเชื่อมั่นลดลง ทั้งที่เศรษฐกิจไทยไม่ได้มีปัญหาใด นักธุรกิจก็พอใจกับสถานการณ์เศรษฐกิจมากนัก ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เหลือเพียงค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งก็ให้ ธปท.ดูแลอยู่” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวถึงการปรับโครงสร้างหนี้ให้ข้าราชการครูว่า ขณะนี้ธนาคารออมสินกำลังดูแลอยู่ในวงเงินประมาณ 50,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันครูมีหนี้จำนวนมาก ซึ่งกระทรวงการคลังก็กำลังเร่งดำเนินการจ่ายค่าวิทยฐานะจำนวน 9,000 ล้านบาท ที่ค้างจ่ายให้กับครูเร็วที่สุด ซึ่งเชื่อว่าหากครูได้รับค่าวิทยฐานะแล้ว จะสามารถชำระหนี้ทั้งต้นและดอกเบี้ยได้ ขอเพียงอย่าสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีกเท่านั้น
“สมมติครูเป็นหนี้ 1 แสนบาท ก็จะได้รับค่าวิทยฐานะเดือนละ 3,500 บาท ก็สามารถชำระหนี้ได้หมดภายใน 4-5 ปี ซึ่งจะช่วยให้ครูมีฐานะที่ดีขึ้น” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยให้ นายวีรพงษ์ รามางกูร มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่ายังไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าวมาก่อน
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จนถึงขณะนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้เพิ่มขึ้น จะทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มทีมเศรษฐกิจหรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทีมเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เงินทุนยังไหลเข้าประเทศไทย การลงทุนใหม่ก็เพิ่มขึ้นทุกวัน เพียงแต่รัฐบาลไม่ต้องการประชาสัมพันธ์มากนัก ปัญหาเศรษฐกิจเหลือเพียงเรื่องเดียว คือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังดูแลอยู่
“เมื่อดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น ไม่เห็นมีใครพูดถึง แต่กลับพูดถึงเฉพาะเมื่อดัชนีความเชื่อมั่นลดลง ทั้งที่เศรษฐกิจไทยไม่ได้มีปัญหาใด นักธุรกิจก็พอใจกับสถานการณ์เศรษฐกิจมากนัก ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เหลือเพียงค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งก็ให้ ธปท.ดูแลอยู่” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวถึงการปรับโครงสร้างหนี้ให้ข้าราชการครูว่า ขณะนี้ธนาคารออมสินกำลังดูแลอยู่ในวงเงินประมาณ 50,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันครูมีหนี้จำนวนมาก ซึ่งกระทรวงการคลังก็กำลังเร่งดำเนินการจ่ายค่าวิทยฐานะจำนวน 9,000 ล้านบาท ที่ค้างจ่ายให้กับครูเร็วที่สุด ซึ่งเชื่อว่าหากครูได้รับค่าวิทยฐานะแล้ว จะสามารถชำระหนี้ทั้งต้นและดอกเบี้ยได้ ขอเพียงอย่าสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีกเท่านั้น
“สมมติครูเป็นหนี้ 1 แสนบาท ก็จะได้รับค่าวิทยฐานะเดือนละ 3,500 บาท ก็สามารถชำระหนี้ได้หมดภายใน 4-5 ปี ซึ่งจะช่วยให้ครูมีฐานะที่ดีขึ้น” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว