ผลการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคล่าสุดโดยโอกิลวี่ ระบุว่ากลุ่มคนอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือ “50+” ระดับบน เป็นผู้บริโภคกลุ่มที่จะมีศักยภาพในการซื้อสูงในอนาคต โดยเฉพาะสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวและสุขภาพ
นางพรรณี ชัยกุล รองประธานกลุ่มบริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการ โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ แอดเวอร์ไทซิ่ง กล่าวว่า “ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ เพราะผู้บริโภคที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปมีจำนวนมากขึ้น เช่น ในประเทศอังกฤษ ครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดเป็นคนกลุ่ม 50+ ทั้งสิ้น สำหรับในประเทศไทยปัจจุบัน มีคนกลุ่มนี้ประมาณ 14 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ และมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่จะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นต่อไปในอีก 20 ปีข้างหน้า นักการตลาดจึงต้องเริ่มให้ความสนใจและพยายามเข้าใจความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคกลุ่มนี้ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ตั้งแต่วันนี้ เพื่อการวางแผนธุรกิจที่มีประสิทธิผลในระยะยาว”
โอกิลวี่ ได้ศึกษาเจาะลึกเกี่ยวกับทัศนคติ ไลฟ์สไตล์ ความคาดหวัง พฤติกรรมการซื้อสินค้า ประเภทของสินค้าและบริการที่กลุ่ม 50+ สนใจ โดยเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้บริโภคชายและหญิงอายุระหว่าง 50-65 ปี จำนวน 400 คนในกรุงเทพฯ ที่มีรายได้ต่อครอบครัวระหว่าง 70,000 ถึงกว่า 200,000 บาทต่อเดือน ซึ่งประชากรกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณร้อยละ 10 ของประชากรกลุ่ม 50+ ทั้งหมด โดยมีการเก็บข้อมูลในเดือนตุลาคม 2549 ที่ผ่านมา
ดร. อัญชลี พิชญางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “แต่ก่อนนี้ เรามักจะคิดว่าคนที่เริ่มเข้าวัยสูงอายุหรือคนอายุ 50 กว่าๆ ขึ้นไป เป็นพวกที่อยู่นิ่งๆ ใช้ชีวิตเรื่อยๆ ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย แต่การศึกษาของเราพบว่าพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ในปัจจุบันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะคนอายุ 50 ปีขึ้นไปจำนวนมากยังคงรู้สึกว่าตนเองอายุน้อยกว่าอายุจริง 10-15 ปีโดยที่ 70% ของผู้ที่ให้สัมภาษณ์ต่างก็ต้องการจะมีอายุยืนกว่า 80 ปี
“ดังนั้นคนกลุ่ม 50+ ที่เราสัมภาษณ์จึงเป็นคนที่มีความสุขกับชีวิต กระตือรือร้นที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และดูแลสุขภาพมากขึ้น สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องจึงมีศักยภาพสูง และนักการตลาดจะมองข้ามไปไม่ได้”
ในด้านการใช้ชีวิต การศึกษาดังกล่าวพบว่า ชาว 50+ ดูแลสุขภาพมากขึ้นถึง 61% ท่องเที่ยวมากขึ้น 38% โดยนิยมเที่ยวในประเทศบ่อยกว่าปีละ 1-2 ครั้ง และเที่ยวต่างประเทศปีละ 1-2 ครั้ง และใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวโดยเฉลี่ยปีละ 106,380 บาท แต่สำหรับผู้ที่มีรายได้สูงกว่าเดือนละ 200,000 บาท จะใช้จ่ายในเรื่องการท่องเที่ยวประมาณ 10% ของรายได้หรือประมาณปีละ 226,625 บาทโดยเฉลี่ยทีเดียว
ผลการศึกษาของโอกิลวี่พบว่าในด้านกำลังซื้อ คนกลุ่ม 50+ มีกำลังซื้อค่อนข้างสูงและจะซื้อสินค้าชิ้นใหญ่มูลค่าสูง เช่น บ้าน (17%) รถยนต์ (22%) รวมทั้งสินค้าเทคโนโลยีต่างๆ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ (17) โทรทัศน์ (16%) คอมพิวเตอร์ (13%) กล้องดิจิตอล (12%) และ โฮมเธียเตอร์ (10%)
ส่วนสินค้าอื่นๆ นั้น ชาว 50+ ใช้เงินกับอาหารเสริมและวิตามินมากถึง 75% และแคลเซียม (44%) และสำหรับหญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป นิยมใช้สินค้าที่จะทำให้ตนเองดูดี เช่น ผลิตภัณฑ์ย้อมผม (69%) น้ำหอม (59%) ครีมลดริ้วรอย 74%)
ในด้านบริการที่เป็นที่ต้องการสูงสุดของคนกลุ่มนี้ได้แก่ การประกันสุขภาพ (51%) โรงพยาบาลหรือคลินิกสำหรับผู้สูงอายุ (50%) อาหารเสริมและวิตามิน (27%) การประกันชีวิตสำหรับวัยเกษียณ (26%) บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (24%) การท่องเที่ยวในประเทศ (24%) การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ (19%) และการท่องเที่ยวต่างประเทศ (17%)
นอกจากจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงแล้ว กลุ่ม 50+ ยังตัดสินใจซื้อสินค้าโดยให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้ามากที่สุดถึง 75% ส่วนปัจจัยอื่นๆที่ให้ความสำคัญรองลงมาได้แก่ ราคา (48%) ความทนทาน (28%) และความน่าเชื่อถือ (23%) การศึกษายังพบว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังชอบทดลองสินค้าและบริการใหม่ๆ (71%) รวมทั้งชอบซื้อสินค้ายี่ห้อที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก (53%)
ในด้านของงานโฆษณา คนกลุ่ม 50+ เป็นคนตรงไปตรงมา จึงชอบโฆษณาที่สมจริง ไม่เพ้อฝัน มีข้อความสื่อสารที่ชัดเจนมากกว่า ขณะที่มีผู้บริโภคกลุ่ม 50+ เพียงส่วนน้อยชอบโฆษณาแนวตลก หรือโฆษณาที่มี พรีเซ็นเตอร์เป็นคนวัยเดียวกัน
“ข้อมูลใหม่ๆ ที่เราค้นพบในครั้งนี้ จะทำให้นักการตลาดเข้าใจและสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ถูกใจและเข้าถึงคนกลุ่มนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะคนกลุ่ม 50+ คือผู้บริโภคที่จะกำหนดอนาคตของธุรกิจต่างๆ ในอนาคตในฐานะประชากรส่วนใหญ่ของประเทศในอนาคต” ดร. อัญชลีกล่าวสรุป
นางพรรณี ชัยกุล รองประธานกลุ่มบริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการ โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ แอดเวอร์ไทซิ่ง กล่าวว่า “ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ เพราะผู้บริโภคที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปมีจำนวนมากขึ้น เช่น ในประเทศอังกฤษ ครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดเป็นคนกลุ่ม 50+ ทั้งสิ้น สำหรับในประเทศไทยปัจจุบัน มีคนกลุ่มนี้ประมาณ 14 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ และมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่จะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นต่อไปในอีก 20 ปีข้างหน้า นักการตลาดจึงต้องเริ่มให้ความสนใจและพยายามเข้าใจความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคกลุ่มนี้ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ตั้งแต่วันนี้ เพื่อการวางแผนธุรกิจที่มีประสิทธิผลในระยะยาว”
โอกิลวี่ ได้ศึกษาเจาะลึกเกี่ยวกับทัศนคติ ไลฟ์สไตล์ ความคาดหวัง พฤติกรรมการซื้อสินค้า ประเภทของสินค้าและบริการที่กลุ่ม 50+ สนใจ โดยเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้บริโภคชายและหญิงอายุระหว่าง 50-65 ปี จำนวน 400 คนในกรุงเทพฯ ที่มีรายได้ต่อครอบครัวระหว่าง 70,000 ถึงกว่า 200,000 บาทต่อเดือน ซึ่งประชากรกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณร้อยละ 10 ของประชากรกลุ่ม 50+ ทั้งหมด โดยมีการเก็บข้อมูลในเดือนตุลาคม 2549 ที่ผ่านมา
ดร. อัญชลี พิชญางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “แต่ก่อนนี้ เรามักจะคิดว่าคนที่เริ่มเข้าวัยสูงอายุหรือคนอายุ 50 กว่าๆ ขึ้นไป เป็นพวกที่อยู่นิ่งๆ ใช้ชีวิตเรื่อยๆ ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย แต่การศึกษาของเราพบว่าพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ในปัจจุบันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะคนอายุ 50 ปีขึ้นไปจำนวนมากยังคงรู้สึกว่าตนเองอายุน้อยกว่าอายุจริง 10-15 ปีโดยที่ 70% ของผู้ที่ให้สัมภาษณ์ต่างก็ต้องการจะมีอายุยืนกว่า 80 ปี
“ดังนั้นคนกลุ่ม 50+ ที่เราสัมภาษณ์จึงเป็นคนที่มีความสุขกับชีวิต กระตือรือร้นที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และดูแลสุขภาพมากขึ้น สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องจึงมีศักยภาพสูง และนักการตลาดจะมองข้ามไปไม่ได้”
ในด้านการใช้ชีวิต การศึกษาดังกล่าวพบว่า ชาว 50+ ดูแลสุขภาพมากขึ้นถึง 61% ท่องเที่ยวมากขึ้น 38% โดยนิยมเที่ยวในประเทศบ่อยกว่าปีละ 1-2 ครั้ง และเที่ยวต่างประเทศปีละ 1-2 ครั้ง และใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวโดยเฉลี่ยปีละ 106,380 บาท แต่สำหรับผู้ที่มีรายได้สูงกว่าเดือนละ 200,000 บาท จะใช้จ่ายในเรื่องการท่องเที่ยวประมาณ 10% ของรายได้หรือประมาณปีละ 226,625 บาทโดยเฉลี่ยทีเดียว
ผลการศึกษาของโอกิลวี่พบว่าในด้านกำลังซื้อ คนกลุ่ม 50+ มีกำลังซื้อค่อนข้างสูงและจะซื้อสินค้าชิ้นใหญ่มูลค่าสูง เช่น บ้าน (17%) รถยนต์ (22%) รวมทั้งสินค้าเทคโนโลยีต่างๆ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ (17) โทรทัศน์ (16%) คอมพิวเตอร์ (13%) กล้องดิจิตอล (12%) และ โฮมเธียเตอร์ (10%)
ส่วนสินค้าอื่นๆ นั้น ชาว 50+ ใช้เงินกับอาหารเสริมและวิตามินมากถึง 75% และแคลเซียม (44%) และสำหรับหญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป นิยมใช้สินค้าที่จะทำให้ตนเองดูดี เช่น ผลิตภัณฑ์ย้อมผม (69%) น้ำหอม (59%) ครีมลดริ้วรอย 74%)
ในด้านบริการที่เป็นที่ต้องการสูงสุดของคนกลุ่มนี้ได้แก่ การประกันสุขภาพ (51%) โรงพยาบาลหรือคลินิกสำหรับผู้สูงอายุ (50%) อาหารเสริมและวิตามิน (27%) การประกันชีวิตสำหรับวัยเกษียณ (26%) บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (24%) การท่องเที่ยวในประเทศ (24%) การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ (19%) และการท่องเที่ยวต่างประเทศ (17%)
นอกจากจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงแล้ว กลุ่ม 50+ ยังตัดสินใจซื้อสินค้าโดยให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้ามากที่สุดถึง 75% ส่วนปัจจัยอื่นๆที่ให้ความสำคัญรองลงมาได้แก่ ราคา (48%) ความทนทาน (28%) และความน่าเชื่อถือ (23%) การศึกษายังพบว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังชอบทดลองสินค้าและบริการใหม่ๆ (71%) รวมทั้งชอบซื้อสินค้ายี่ห้อที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก (53%)
ในด้านของงานโฆษณา คนกลุ่ม 50+ เป็นคนตรงไปตรงมา จึงชอบโฆษณาที่สมจริง ไม่เพ้อฝัน มีข้อความสื่อสารที่ชัดเจนมากกว่า ขณะที่มีผู้บริโภคกลุ่ม 50+ เพียงส่วนน้อยชอบโฆษณาแนวตลก หรือโฆษณาที่มี พรีเซ็นเตอร์เป็นคนวัยเดียวกัน
“ข้อมูลใหม่ๆ ที่เราค้นพบในครั้งนี้ จะทำให้นักการตลาดเข้าใจและสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ถูกใจและเข้าถึงคนกลุ่มนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะคนกลุ่ม 50+ คือผู้บริโภคที่จะกำหนดอนาคตของธุรกิจต่างๆ ในอนาคตในฐานะประชากรส่วนใหญ่ของประเทศในอนาคต” ดร. อัญชลีกล่าวสรุป