กระทรวงคมนาคมยืนยันไม่ยกเลิกโครงการรถโดยสารประจำทางเอ็นจีวีใหม่ 2,000 คัน เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับการสั่งนำเข้าจากจีนทั้งหมด ด้านกระทรวงพลังงานพร้อมส่งเสริมการพัฒนาและวิจัยพลังงานเพื่อทดแทนการนำเข้าและพึ่งตนเอง โดยจัดงบจากกองทุนส่งเสริมฯ เพื่อส่งเสริมการวิจัยถึง 300 ล้านบาทในปีหน้า ขณะที่ สนพ.ระบุอาจต้องเก็บเงินกองทุนส่งเสริมฯเพิ่ม เพราะฐานะกองทุนย่ำแย่
นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวในงานสัมมนา “วิจัยพลังงาน สร้างฐานเศรษฐกิจพอเพียง” ว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมสนับสนุนพลังงานทดแทน เพื่อลดปัญหาการใช้พลังงานของประเทศที่มีผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่ง โดยเฉพาะการส่งเสริมก๊าซเอ็นจีวีในระบบรถสาธารณะ ซึ่งในส่วนของรถแท็กซี่ใหม่อยู่ระหว่างการกำหนดให้เป็นรถที่ใช้เอ็นจีวีเท่านั้น และขอยืนยันว่าในส่วนของรถโดยสารประจำทางเอ็นจีวีใหม่ 2,000 คัน ไม่ได้มีนโยบายให้ยกเลิก แต่ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เจ้าของโครงการไปพิจารณาว่า สามารถสั่งต่อรถยนต์และตัวถังในประเทศทดแทนการสั่งนำเข้าจากจีนทั้งหมดได้หรือไม่ เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่อุตสาหกรรมต่อตัวถังรถยนต์ในประเทศ ขณะเดียวกันรถยนต์เก่าประมาณ 1,000 คัน ก็เห็นว่าควรจะต้องมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่เป็นเอ็นจีวีด้วย
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การสนับสนุนของกระทรวงคมนาคมจะทำให้เกิดการใช้เอ็นจีวีทดแทนน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องดีต่อการลดการใช้น้ำมัน โดยในส่วนงบประมาณของกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานได้กำหนดงบประมาณ 2,000 ล้านบาท สำหรับการส่งเสริมการติดตั้งเอ็นจีวี
นายวีระพล ยอมรับว่า ในขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังหนักใจเรื่องเงินทุนหมุนเวียนของกองทุนส่งเสริมที่จะเหลือกระแสเงินสดเพียง 4,000 ล้านบาท จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเก็บเงินกองทุนดังกล่าวจากผู้ใช้น้ำมันเพิ่มจาก 4 สตางค์ เป็น 7 สตางค์/ลิตร หรือไม่ เพราะจะได้เงินเพิ่มขึ้นจาก 1,300 ล้านบาท/ปี เป็นประมาณไม่ต่ำกว่า 2,100 ล้านบาท/ปี แต่ต้องพิจารณาก่อนว่าความจำเป็นในการใช้เงินมีมากน้อยเพียงใด
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การจะเพิ่มเก็บเงินกองทุนส่งเสริมฯ หรือไม่นั้นยังไม่ทราบ แต่สิ่งที่ได้เน้นคือ ให้มีการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โครงการใดไม่เกิดประโยชน์หรือซ้ำซ้อนก็ให้ลดทอนไป เช่น โครงการฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ได้มอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้ดูแลเพียงหน่วยงานเดียว จากเดิมที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเป็นผู้ดูแลด้วย และยังไม่เคยระบุว่าจะตัดงบโครงการประกวดยุวทูตพลังงาน หรือเอ็นเนอร์ยี่แฟนตาเซีย แต่อย่างใด
นายปิยสวัสดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาและวิจัยพลังงาน เพื่อทดแทนการนำเข้าและพึ่งตนเอง สอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงต้องการเห็นคนไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยในปี 2550 ได้จัดงบจากกองทุนส่งเสริมฯ เพื่อส่งเสริมการวิจัยถึง 300 ล้านบาท ซึ่งการส่งเสริมมีทั้งส่งเสริมนักวิจัย สนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา ทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก ซึ่งในขณะนี้มีการส่งเสริมกว่า 700 โครงการ และพบว่าในหลายโครงการสามารถพัฒนามาสู่การปฏิบัติได้ เช่น การใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง การจัดทำแผนที่ศักยภาพพลังงานลม ก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียโรงงาน
นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวในงานสัมมนา “วิจัยพลังงาน สร้างฐานเศรษฐกิจพอเพียง” ว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมสนับสนุนพลังงานทดแทน เพื่อลดปัญหาการใช้พลังงานของประเทศที่มีผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่ง โดยเฉพาะการส่งเสริมก๊าซเอ็นจีวีในระบบรถสาธารณะ ซึ่งในส่วนของรถแท็กซี่ใหม่อยู่ระหว่างการกำหนดให้เป็นรถที่ใช้เอ็นจีวีเท่านั้น และขอยืนยันว่าในส่วนของรถโดยสารประจำทางเอ็นจีวีใหม่ 2,000 คัน ไม่ได้มีนโยบายให้ยกเลิก แต่ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เจ้าของโครงการไปพิจารณาว่า สามารถสั่งต่อรถยนต์และตัวถังในประเทศทดแทนการสั่งนำเข้าจากจีนทั้งหมดได้หรือไม่ เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่อุตสาหกรรมต่อตัวถังรถยนต์ในประเทศ ขณะเดียวกันรถยนต์เก่าประมาณ 1,000 คัน ก็เห็นว่าควรจะต้องมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่เป็นเอ็นจีวีด้วย
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การสนับสนุนของกระทรวงคมนาคมจะทำให้เกิดการใช้เอ็นจีวีทดแทนน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องดีต่อการลดการใช้น้ำมัน โดยในส่วนงบประมาณของกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานได้กำหนดงบประมาณ 2,000 ล้านบาท สำหรับการส่งเสริมการติดตั้งเอ็นจีวี
นายวีระพล ยอมรับว่า ในขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังหนักใจเรื่องเงินทุนหมุนเวียนของกองทุนส่งเสริมที่จะเหลือกระแสเงินสดเพียง 4,000 ล้านบาท จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเก็บเงินกองทุนดังกล่าวจากผู้ใช้น้ำมันเพิ่มจาก 4 สตางค์ เป็น 7 สตางค์/ลิตร หรือไม่ เพราะจะได้เงินเพิ่มขึ้นจาก 1,300 ล้านบาท/ปี เป็นประมาณไม่ต่ำกว่า 2,100 ล้านบาท/ปี แต่ต้องพิจารณาก่อนว่าความจำเป็นในการใช้เงินมีมากน้อยเพียงใด
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การจะเพิ่มเก็บเงินกองทุนส่งเสริมฯ หรือไม่นั้นยังไม่ทราบ แต่สิ่งที่ได้เน้นคือ ให้มีการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โครงการใดไม่เกิดประโยชน์หรือซ้ำซ้อนก็ให้ลดทอนไป เช่น โครงการฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ได้มอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้ดูแลเพียงหน่วยงานเดียว จากเดิมที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเป็นผู้ดูแลด้วย และยังไม่เคยระบุว่าจะตัดงบโครงการประกวดยุวทูตพลังงาน หรือเอ็นเนอร์ยี่แฟนตาเซีย แต่อย่างใด
นายปิยสวัสดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาและวิจัยพลังงาน เพื่อทดแทนการนำเข้าและพึ่งตนเอง สอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงต้องการเห็นคนไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยในปี 2550 ได้จัดงบจากกองทุนส่งเสริมฯ เพื่อส่งเสริมการวิจัยถึง 300 ล้านบาท ซึ่งการส่งเสริมมีทั้งส่งเสริมนักวิจัย สนับสนุนทุนวิจัยแก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา ทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก ซึ่งในขณะนี้มีการส่งเสริมกว่า 700 โครงการ และพบว่าในหลายโครงการสามารถพัฒนามาสู่การปฏิบัติได้ เช่น การใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง การจัดทำแผนที่ศักยภาพพลังงานลม ก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียโรงงาน