กฟผ.ให้ทุนวิจัยและพัฒนาพัฒนากังหันลมผลิตไฟฟ้าต้นแบบขนาด 50 กิโลวัตต์ วงเงินกว่า 13 ล้านบาท และเตรียมหาพื้นที่ผลิตให้ครบ 2 เมกะวัตต์ในอนาคต ระบุจังหวัดนครราชสีมาเหมาะสมสร้างโรงไฟฟ้าพลังลม
วันนี้ (21 พ.ย.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลงนามสัญญาให้ทุนวิจัยและพัฒนาโครงการวิจัยเพื่อพัฒนากังหันลมผลิตไฟฟ้าต้นแบบขนาด 50 กิโลวัตต์ แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบุรี โดยมี นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการ กฟผ. ในฐานะผู้สนับสนุนงานวิจัยฯ และ ผศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ในฐานะผู้รับทุนวิจัยฯ ร่วมในพิธี
นายไกรสีห์ กล่าวว่า กฟผ. ได้เล็งเห็นความสำคัญของการทำงานวิจัยและพัฒนาว่า เป็นช่องทางสำคัญที่จะทำให้ได้องค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์พัฒนางานในอนาคต จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารงานวิจัยและพัฒนา กฟผ. ขึ้น เพื่อกำหนดกรอบนโยบายแผนแม่บท พิจารณากลั่นกรองข้อเสนองานวิจัยและพัฒนาและอนุมัติเงินทุนสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนา โดยมีทุนด้านนี้รวม 120 ล้านบาท และอนุมัติเงินทุนสนับสนุนงานวิจัย 2 โครงการ คือ โครงการศึกษาจัดทำมาตรฐานอัตราการใช้ความร้อนรายโรงไฟฟ้าของ กฟผ. 20 ล้านบาท และให้กับโครงการวิจัยเพื่อพัฒนากังหันลมผลิตไฟฟ้าต้นแบบขนาด 50 กิโลวัตต์ ในวงเงิน 13.524 ล้านบาท ซึ่งอุปกรณ์กังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้นด้วยการใช้วัสดุส่วนใหญ่ที่จะหาได้ภายในประเทศเป็นหลัก โครงการนี้จึงนับเป็นโครงการนำร่องที่ดี ที่จะแสดงถึงทางเลือกหนึ่งสำหรับการออกแบบและสร้างอุปกรณ์ขึ้นใช้พลังงานหมุนเวียนภายในประเทศเพื่อผลิตไฟฟ้า
นายไกรสีห์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าพลังลมที่เหมาะสม มีทั้งพื้นที่ชายทะเล และพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยความเร็วลมต้องไมต่ำกวา 4 เมตร/วินาที โดย กฟผ.วางแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมรวม 2 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนผลิตอยู่ในระดับ 6-7 บาทต่อหน่วย ซึ่งแพงกว่าการใช้เชื้อเพลิงพาณิชย์ที่มีต้นทุนประมาณ 2.70 บาท/หน่วย และต้นทุนก่อสร้างต่อเมกะวัตต์ สูงถึง 60 ล้านบาท จากโรงไฟฟ้าทั่วไปมีต้นทุนประมาณ 30-35 ล้านบาท แต่ก็นับเป็นพลังงานทางเลือกของไทย โดย กฟผ.ยังเตรียมสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำรวม 78 เมกะวัตต์ และพลังงานแสงอาทิตย์อีกประมาณ 1 เมกะวัตต์
วันนี้ (21 พ.ย.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลงนามสัญญาให้ทุนวิจัยและพัฒนาโครงการวิจัยเพื่อพัฒนากังหันลมผลิตไฟฟ้าต้นแบบขนาด 50 กิโลวัตต์ แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบุรี โดยมี นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการ กฟผ. ในฐานะผู้สนับสนุนงานวิจัยฯ และ ผศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ในฐานะผู้รับทุนวิจัยฯ ร่วมในพิธี
นายไกรสีห์ กล่าวว่า กฟผ. ได้เล็งเห็นความสำคัญของการทำงานวิจัยและพัฒนาว่า เป็นช่องทางสำคัญที่จะทำให้ได้องค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์พัฒนางานในอนาคต จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารงานวิจัยและพัฒนา กฟผ. ขึ้น เพื่อกำหนดกรอบนโยบายแผนแม่บท พิจารณากลั่นกรองข้อเสนองานวิจัยและพัฒนาและอนุมัติเงินทุนสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนา โดยมีทุนด้านนี้รวม 120 ล้านบาท และอนุมัติเงินทุนสนับสนุนงานวิจัย 2 โครงการ คือ โครงการศึกษาจัดทำมาตรฐานอัตราการใช้ความร้อนรายโรงไฟฟ้าของ กฟผ. 20 ล้านบาท และให้กับโครงการวิจัยเพื่อพัฒนากังหันลมผลิตไฟฟ้าต้นแบบขนาด 50 กิโลวัตต์ ในวงเงิน 13.524 ล้านบาท ซึ่งอุปกรณ์กังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้นด้วยการใช้วัสดุส่วนใหญ่ที่จะหาได้ภายในประเทศเป็นหลัก โครงการนี้จึงนับเป็นโครงการนำร่องที่ดี ที่จะแสดงถึงทางเลือกหนึ่งสำหรับการออกแบบและสร้างอุปกรณ์ขึ้นใช้พลังงานหมุนเวียนภายในประเทศเพื่อผลิตไฟฟ้า
นายไกรสีห์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าพลังลมที่เหมาะสม มีทั้งพื้นที่ชายทะเล และพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยความเร็วลมต้องไมต่ำกวา 4 เมตร/วินาที โดย กฟผ.วางแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมรวม 2 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนผลิตอยู่ในระดับ 6-7 บาทต่อหน่วย ซึ่งแพงกว่าการใช้เชื้อเพลิงพาณิชย์ที่มีต้นทุนประมาณ 2.70 บาท/หน่วย และต้นทุนก่อสร้างต่อเมกะวัตต์ สูงถึง 60 ล้านบาท จากโรงไฟฟ้าทั่วไปมีต้นทุนประมาณ 30-35 ล้านบาท แต่ก็นับเป็นพลังงานทางเลือกของไทย โดย กฟผ.ยังเตรียมสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำรวม 78 เมกะวัตต์ และพลังงานแสงอาทิตย์อีกประมาณ 1 เมกะวัตต์