บาร์เทอร์คาร์ด ยิ้มรับเศรษฐกิจยุครัดเข็มขัด ต่อยอดธุรกิจแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการโตวันโตคืน เดินเครื่องเต็มพิกัดขยายแฟรนไชส์ เผยเล็ง เชียงใหม่ นครราชสีมา และตามด้วยหัวเมืองใหญ่ ต่างจังหวัดอีกมาก ตั้งเป้ายอดสมาชิกโตขึ้นพรวด ดันยอดมูลค่าการแลกเปลี่ยนทางการค้าปีหน้าได้กว่า 1,200 ล้านเทรดบาท
นายเกรแฮม เบรน กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการเมืองช่วงที่ผ่านมา ราคาน้ำมันที่แพง ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีการเติบโตที่ช้าลง และส่งผลให้บริษัทหรือผู้ประกอบธุรกิจต่าง มองหาช่องทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับการประกอบธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจในระดับเล็กไปจนถึงระดับใหญ่
ที่ผ่านมา ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทต่างๆต้องทำทุกวิถีทางในการรักษาเงินสดไว้เพื่อความอยู่รอด บริการที่ไม่เหมือนใครของบาร์เทอร์คาร์ดเปรียบเหมือนผู้ช่วยบริหารด้านการเงิน ( CFO ) ให้กับหลายรายที่ถึงทางตัน ซึ่งหลังจากนั้น ตัวเลขการเติบโตของยอดขายสินค้าประเภทต่างๆ ก็กลับมาขยายตัวอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ข้อดีของระบบนี้ยังสามารถเพิ่มยอดขายและการสร้างตลาดใหม่เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้กับสมาชิกเพื่อให้การติดต่อแลกซื้อและขายสินค้าและบริการระหว่างกัน อีกทั้งบริษัทยังดูแลการเก็บข้อมูลต่างๆและการจัดทำเอกสารแจ้งรายรับและรายจ่ายทั้งหมด โดยบริษัทจะเป็นผู้ลงบัญชีให้กับทั้งสองฝ่ายซื้อและฝ่ายขายตามมูลค่าของสินค้า และมีหน่วยงานทางการค้าเป็น เทรดบาท(Trade Baht) 1 เทรด เท่ากับ 1 ธุรกิจการค้า ซึ่งธุรกิจระบบบาร์เทอร์คาร์ดเป็นการสอดรับกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง ส่งผลให้ยอดการเติบโตของบริษัทในแง่ของระบบการซื้อขาย รายได้ของลูกค้า มีเพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ขณะนี้บริษัทฯมีฐานสมาชิกในหลายธุรกิจกว่า 2,000 ราย อาทิ โรงแรม,สปา,ร้านทำผม, เอนเตอร์เทนเมนต์ และธุรกิจอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งในแต่ละเดือนจะมีสมาชิกใหม่เข้ามา 60-70 ราย หรือคิดเป็นปีละ 700 ราย บริษัทฯเชื่อว่า มูลค่าการแลกเปลี่ยนทางการค้าปีหน้าจะมีมากกว่า 1,200 ล้านเทรดบาท
นอกจากนั้นบริษัทฯเตรียมขยายแฟรนไชส์ออกสู่ต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา หาดใหญ่ จากปัจจุบันบาร์เทอร์คาร์ดในไทย มีสาขาอยู่ 6 แห่ง ได้แก่ ธนบุรี,ทองหล่อ, บางนา,ลาดพร้าว,พัทยา และภูเก็ต ทั้งนี้การเพิ่มพันธมิตรในครั้งนี้บริษัทฯจะต้องเลือกพันธมิตรที่มีศักยภาพมากที่สุด
สำหรับเงื่อนไขของสมาชิก ที่จะสมัครบาร์เทอร์คาร์ดได้จะต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยจะเสียค่าสมัครเพียง 1 ครั้งและใช้ได้ตลอดชีพ ซึ่งแพคเกจสมาชิกจะมี 3 แบบ ได้แก่ เสียค่าสมัคร 26,000 บาท มีสัดส่วนลูกค้า 60-70% , ค่าสมัคร 30,000 บาท มีสัดส่วน 20% และ ค่าสมัคร 60,000บาทมีสัดส่วน 10% โดยในส่วนของบริษัทฯจะได้รับรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมจากการซื้อขาย 5.5%
นายเกรแฮม เบรน กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการเมืองช่วงที่ผ่านมา ราคาน้ำมันที่แพง ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีการเติบโตที่ช้าลง และส่งผลให้บริษัทหรือผู้ประกอบธุรกิจต่าง มองหาช่องทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับการประกอบธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจในระดับเล็กไปจนถึงระดับใหญ่
ที่ผ่านมา ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทต่างๆต้องทำทุกวิถีทางในการรักษาเงินสดไว้เพื่อความอยู่รอด บริการที่ไม่เหมือนใครของบาร์เทอร์คาร์ดเปรียบเหมือนผู้ช่วยบริหารด้านการเงิน ( CFO ) ให้กับหลายรายที่ถึงทางตัน ซึ่งหลังจากนั้น ตัวเลขการเติบโตของยอดขายสินค้าประเภทต่างๆ ก็กลับมาขยายตัวอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ข้อดีของระบบนี้ยังสามารถเพิ่มยอดขายและการสร้างตลาดใหม่เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้กับสมาชิกเพื่อให้การติดต่อแลกซื้อและขายสินค้าและบริการระหว่างกัน อีกทั้งบริษัทยังดูแลการเก็บข้อมูลต่างๆและการจัดทำเอกสารแจ้งรายรับและรายจ่ายทั้งหมด โดยบริษัทจะเป็นผู้ลงบัญชีให้กับทั้งสองฝ่ายซื้อและฝ่ายขายตามมูลค่าของสินค้า และมีหน่วยงานทางการค้าเป็น เทรดบาท(Trade Baht) 1 เทรด เท่ากับ 1 ธุรกิจการค้า ซึ่งธุรกิจระบบบาร์เทอร์คาร์ดเป็นการสอดรับกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง ส่งผลให้ยอดการเติบโตของบริษัทในแง่ของระบบการซื้อขาย รายได้ของลูกค้า มีเพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ขณะนี้บริษัทฯมีฐานสมาชิกในหลายธุรกิจกว่า 2,000 ราย อาทิ โรงแรม,สปา,ร้านทำผม, เอนเตอร์เทนเมนต์ และธุรกิจอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งในแต่ละเดือนจะมีสมาชิกใหม่เข้ามา 60-70 ราย หรือคิดเป็นปีละ 700 ราย บริษัทฯเชื่อว่า มูลค่าการแลกเปลี่ยนทางการค้าปีหน้าจะมีมากกว่า 1,200 ล้านเทรดบาท
นอกจากนั้นบริษัทฯเตรียมขยายแฟรนไชส์ออกสู่ต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา หาดใหญ่ จากปัจจุบันบาร์เทอร์คาร์ดในไทย มีสาขาอยู่ 6 แห่ง ได้แก่ ธนบุรี,ทองหล่อ, บางนา,ลาดพร้าว,พัทยา และภูเก็ต ทั้งนี้การเพิ่มพันธมิตรในครั้งนี้บริษัทฯจะต้องเลือกพันธมิตรที่มีศักยภาพมากที่สุด
สำหรับเงื่อนไขของสมาชิก ที่จะสมัครบาร์เทอร์คาร์ดได้จะต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยจะเสียค่าสมัครเพียง 1 ครั้งและใช้ได้ตลอดชีพ ซึ่งแพคเกจสมาชิกจะมี 3 แบบ ได้แก่ เสียค่าสมัคร 26,000 บาท มีสัดส่วนลูกค้า 60-70% , ค่าสมัคร 30,000 บาท มีสัดส่วน 20% และ ค่าสมัคร 60,000บาทมีสัดส่วน 10% โดยในส่วนของบริษัทฯจะได้รับรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมจากการซื้อขาย 5.5%