xs
xsm
sm
md
lg

ยูนิ-ชาร์มเร่งเพิ่มกำลังการผลิต ตะลุยเปิดรง.รับตลาดผ้าอ้อมบูม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยูนิ-ชาร์ม บุกตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปเติมสูบ เผยปีหน้าวางแผนขยายโรงงาน หวังเพิ่ม กำลังผลิตเป็น 2 เท่า พร้อมรุกทำตลาดอัดงบเพิ่มอีก 20% ตั้งเป้าอัตราการเติบโตสิ้นปี 30% ฟาดมาร์เก็ตแชร์ 63% ตามเป้า

นายทาดาชิ นาคาอิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิ – ชาร์ม (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมแผนขยายโรงงานในช่วงปี 2550 เพิ่มจากเดิมโดยจะเน้นการเพิ่มเครื่องจักร และ จำนวนวัตถุดิบเพิ่มมากอีก 2 เท่า สำหรับความคืบหน้ายังอยู่ระหว่างเจรจา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ช่วงเดือน มิถุนายน นอกจากนั้นในปีหน้า บริษัทยังดำเนินการเพิ่มฐานการผลิตอย่างต่อเนื่องอีก ตั้งเป้า 4 ปี หรือประมาณปี 2553 จะสามารถมีฐานการผลิตเพื่อผลิตสินค้าได้มากถึง 3 เท่า จากปัจจุบัน

ทั้งนี้การที่บริษัทฯมีแผนขยายฐานผลิตเพิ่มนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่มีเพิ่มมากขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสังเกตได้จาก พฤติกรรมของผู้บริโภคในการซื้อผ้าอ้อมเด็กมีการปรับเปลี่ยนมากขึ้น ปริมาณการใช้ผ้าอ้อม มี45 ชิ้น ต่อ 1 เดือน ซึ่งถ้าเทียบกับเมื่อช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา การบริโภคมีมากขึ้นถึง 3 เท่าตัว และในขณะเดียวกันการเจริญเติบโตของสินค้าภายใต้แบรนด์มามี่โพโค มีการเติบโตตามความต้องการของตลาด โดยพบว่าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีมากขึ้นกว่า 35% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา ดังนั้นแนวทางขยายโรงงานเพิ่มขึ้น บริษัทเล็งเห็นว่าจะเป็นการขยายตลาดเพิ่มได้อีกทางหนึ่ง

นอกจากแผนขยายกำลังผลิตเพิ่ม บริษัทยังมีแผนรุกตลาดอย่างจริงจัง เบื้องต้นบริษัทได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นอีก 20% โดยจะแบ่งเป็นการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ 80% และสื่อทางกิจกรรมผสมผสานกับการจัดโปรโมชั่นอีก 20%

ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด สานต่อโครงกี่เพื่อสังคม โดยการเปิดโครงการที่ 6 “Better Life By Spirit of Day” ร่วมสนับสนุน “มูลนิธิพระดาบส” โดยการหักรายได้จากการขายผ้าอ้อมสำเร็จรูป มามี่โพโค 2% และรายได้จากการตั้งกล่องบริจาค เพื่อนำรายได้ดังกล่าวมอบเป็นทุนการใช้จ่ายสำหรับนักเรียนของมูลนิธิ ฯ

“สินค้าแบรนด์ มามี่โพโค ครองสัดส่วนตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปเป็นอันดับหนึ่ง และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด คาดว่าปลายปี 2549 ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมของทุกปี การเลือกซื้อสินค้าของผู้ที่เป็นพ่อและแม่จะมีการจับจ่ายใช้สอบมากเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆรวมถึง ผ้าอ้อมสำหรับลูก จึงส่งผลให้ยอดขาย มามี่โพโค โตตามไปด้วย ซึ่งนอกจากการทำตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค บริษัทมีตั้งเป้าการเติบโตอีก 30% จนถึงสิ้นปี ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้”นายทาดาชิ กล่าว

ปัจจุบันตลาดด้านการซึมซับมีมูลค่า 7,800 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปมูลค่า 3,800 ล้านบาทซึ่งยูนิ-ชาร์มเป็นผู้นำตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูป ซึ่งมีสินค้าภายใต้แบรนด์มามี่โพโคครองส่วนแบ่ง 63% ทิ้งห่างจากอันดับสองอย่างดรายเพอร์สซึ่งมีส่วนแบ่ง 10% เบบี้ เลิฟ 9% และแพมเพอร์ส 2%
กำลังโหลดความคิดเห็น