กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีเผยโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจกต์ ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล มูลค่า 7,000 ล้านบาท ล่มสนิท ชะลอก่อสร้างไม่มีกำหนด พร้อมถูกดันออกจากแผนงบประมาณปี 2550 ที่จะเสนอกระทรวงคมนาคมใหม่ เพราะนโยบายรัฐบาลต้องการให้ทำโครงการที่จำเป็นเท่านั้น จากกำหนดเดิมต้องเริ่มสร้างต้นปี 2550
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนโยบายของ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ให้แต่ละหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ไปปรับลดวงเงินงบประมาณประจำปี 2550 ลงจากงบประมาณที่เสนอไปกว่า 130,000 ล้านบาท นั้น ในส่วนของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ได้ปรับลดตัวเลขงบประมาณจากจำนวน 4,600 ล้านบาท เหลือ 4,400 ล้านบาท และตัดโครงการเมกะโปรเจกต์โครงการลงทุนก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล มูลค่า 7,000 ล้านบาท ออกจากงบประมาณในปีนี้อย่างไม่มีกำหนดด้วยเช่นกัน
นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี กล่าวว่า แต่เดิมได้เสนอโครงการก่อสร้างท่าเรือนำลึกปากบารา มูลค่า 7,000 ล้านบาท ไว้ในแผนการดำเนินการงบประมาณปี 2550 แต่พอมีนโยบายใหม่ให้พิจารณาโครงการที่จำเป็นจริง ๆ ก่อน จึงเห็นควรให้ชะลอโครงการนี้ไปอย่างไม่มีกำหนด จากแผนเดิมที่ต้องเริ่มก่อสร้างในต้นปี 2550
นายถวัลย์รัฐ กล่าวว่า สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา ถือเป็นโครงการเมกะโปรเจกต์ที่ใช้เงินลงทุนสูง โดยรัฐบาลชุด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลได้นำเข้าสู่โครงการโมเดิร์นไนเซซั่น และเชิญนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้ร่วมประมูลโครงการนี้ ประกอบกับการมีท่าเรือน้ำลึกจะต้องมีระบบขนส่งต่อเนื่องทั้งรถไฟ และถนน มารองรับการขนส่งสินค้าควบคู่ด้วย แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วจะเห็นว่า ขณะนี้เส้นทางรถไฟ และถนนที่จะต้องเข้าไปถึงที่ท่าเรือก็ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งก็ไม่โทษโคร แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เห็นควรว่าจะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จควบคู่ไปพร้อมกันด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใน 2 เรื่องดังกล่าว ก็เห็นว่าควรชะลอออกไปก่อน
“สำหรับการก่อสร้างโครงการปากบารา อยู่ระหว่างการรอผลการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และรอความชัดเจนของนโยบาย ที่ผ่านมา ล่าสุดได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เพื่อนำเข้าสู่การเป็นแผนด้านโลจิสติกส์ของสภาพัฒน์แล้ว แต่ถนน และรางรถไฟยังไม่เสร็จ ซึ่งทั้งหมดจะต้องรอดูว่านโยบายรัฐบาลว่าอย่างไร แต่ตอนนี้ก็ถอดออกมาจากงบประมาณปี 2550 ก่อน” นายถวัลย์รัฐ กล่าว
สำหรับงบประมาณจำนวน 4,400 ล้านบาท ที่กรมการขนส่งทางน้ำฯ ได้เสนอไปใหม่นั้น จะนำมาใช้ในเรื่องทั่วไป ที่กรมการขนส่งทางน้ำฯ จะต้องดำเนินการอยู่แล้ว เป็นลักษณะงานงานทั่วไป และช่วยเหลือประชาชนเรื่องการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งประมาณ 400 ล้านบาท ในพื้นที่ 18 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงการก่อสร้างและขยายท่าเรือเชียงแสน แห่งที่ 2 จังหวัดเชียงราย มีมูลค่าโครงการจำนวน 1,100 ล้านบาท แต่ในงบประมาณปี 2550 ได้ขอไว้ดำเนินการเบื้องต้นจำนวน 300 ล้านบาท สำหรับการศึกษาสิ่งแวดล้อม จะเริ่มก่อสร้างและแล้วเสร็จในปี 2552 นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณที่ต้องนำไปใช้จ่ายเรื่องทั่วไปที่เป็นงบประมาณประจำปีประมาณ 700-800 ล้านบาท
เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนโยบายของ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ให้แต่ละหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ไปปรับลดวงเงินงบประมาณประจำปี 2550 ลงจากงบประมาณที่เสนอไปกว่า 130,000 ล้านบาท นั้น ในส่วนของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ได้ปรับลดตัวเลขงบประมาณจากจำนวน 4,600 ล้านบาท เหลือ 4,400 ล้านบาท และตัดโครงการเมกะโปรเจกต์โครงการลงทุนก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล มูลค่า 7,000 ล้านบาท ออกจากงบประมาณในปีนี้อย่างไม่มีกำหนดด้วยเช่นกัน
นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี กล่าวว่า แต่เดิมได้เสนอโครงการก่อสร้างท่าเรือนำลึกปากบารา มูลค่า 7,000 ล้านบาท ไว้ในแผนการดำเนินการงบประมาณปี 2550 แต่พอมีนโยบายใหม่ให้พิจารณาโครงการที่จำเป็นจริง ๆ ก่อน จึงเห็นควรให้ชะลอโครงการนี้ไปอย่างไม่มีกำหนด จากแผนเดิมที่ต้องเริ่มก่อสร้างในต้นปี 2550
นายถวัลย์รัฐ กล่าวว่า สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา ถือเป็นโครงการเมกะโปรเจกต์ที่ใช้เงินลงทุนสูง โดยรัฐบาลชุด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลได้นำเข้าสู่โครงการโมเดิร์นไนเซซั่น และเชิญนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้ร่วมประมูลโครงการนี้ ประกอบกับการมีท่าเรือน้ำลึกจะต้องมีระบบขนส่งต่อเนื่องทั้งรถไฟ และถนน มารองรับการขนส่งสินค้าควบคู่ด้วย แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วจะเห็นว่า ขณะนี้เส้นทางรถไฟ และถนนที่จะต้องเข้าไปถึงที่ท่าเรือก็ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งก็ไม่โทษโคร แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เห็นควรว่าจะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จควบคู่ไปพร้อมกันด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใน 2 เรื่องดังกล่าว ก็เห็นว่าควรชะลอออกไปก่อน
“สำหรับการก่อสร้างโครงการปากบารา อยู่ระหว่างการรอผลการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และรอความชัดเจนของนโยบาย ที่ผ่านมา ล่าสุดได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เพื่อนำเข้าสู่การเป็นแผนด้านโลจิสติกส์ของสภาพัฒน์แล้ว แต่ถนน และรางรถไฟยังไม่เสร็จ ซึ่งทั้งหมดจะต้องรอดูว่านโยบายรัฐบาลว่าอย่างไร แต่ตอนนี้ก็ถอดออกมาจากงบประมาณปี 2550 ก่อน” นายถวัลย์รัฐ กล่าว
สำหรับงบประมาณจำนวน 4,400 ล้านบาท ที่กรมการขนส่งทางน้ำฯ ได้เสนอไปใหม่นั้น จะนำมาใช้ในเรื่องทั่วไป ที่กรมการขนส่งทางน้ำฯ จะต้องดำเนินการอยู่แล้ว เป็นลักษณะงานงานทั่วไป และช่วยเหลือประชาชนเรื่องการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งประมาณ 400 ล้านบาท ในพื้นที่ 18 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงการก่อสร้างและขยายท่าเรือเชียงแสน แห่งที่ 2 จังหวัดเชียงราย มีมูลค่าโครงการจำนวน 1,100 ล้านบาท แต่ในงบประมาณปี 2550 ได้ขอไว้ดำเนินการเบื้องต้นจำนวน 300 ล้านบาท สำหรับการศึกษาสิ่งแวดล้อม จะเริ่มก่อสร้างและแล้วเสร็จในปี 2552 นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณที่ต้องนำไปใช้จ่ายเรื่องทั่วไปที่เป็นงบประมาณประจำปีประมาณ 700-800 ล้านบาท
เป็นต้น