ปุ้มปุ้ย เล็งอัดแคมเปญชิงโชคโค้งท้าย กระทุ้งยอดขายเข้าเป้าสิ้นปีปิดยอด 800 ล้านบาท หลังผลประกอบการ 9 เดือนโตพลาดเป้า 10% ล่าสุดชูโซเชียลมาร์เก็ตติ้ง เพิ่มกำลังผลิต 15% รับออร์เดอร์พื้นที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วม แต่ขายราคาทุน หวังสร้างแบรนด์ รอยัลตี้แก้เกมสงครามราคา
นายไกรเสริม โตทับเที่ยง รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายปลากระป๋องตราปุ้มปุ้ย เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของบริษัทมีอัตราการเติบโตเพียง 20% ไม่เป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราเติบโต 30% หรือต่ำกว่าเป้า 10% ทั้งนี้เป็นเพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง ส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ ซึ่งใช้กลยุทธ์ราคาในการจูงใจผู้บริโภคนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขาย เนื่องจากปุ้มปุ้ยเน้นความหลากหลายของสินค้า ทั้งปลากระป๋องในซอสมะเขือเทศ และปลากระป๋องปรุงรส ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพราะให้ความเชื่อมั่นแบรนด์
เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อและยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมจัดแคมเปญส่งเสริมการขายที่ยาวไปถึงต้นปีหน้า คาดได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ โดยอาจเป็นลักษณะการชิงโชค แต่ต้องบริหารจัดการให้โปร่งใส เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลให้ความสำคัญและคุมเข้มเรื่องดังกล่าวมาก ขณะที่ในทางธุรกิจก็ต้องหาช่องทางทำการตลาดเพื่อให้อยู่รอด ซึ่งบริษัทคาดว่าการจากรุกจัดโปรโมชั่นต่างๆ จะส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมในสิ้นปีนี้เติบโตตามเป้าหมาย 30% หรือรักษาอัตราการเติบโตให้เท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้ทั้งในประเทศและส่งออกประมาณ 700-800 ล้านบาท
“บริษัทไม่ค่อยพอใจผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เพราะมีอัตราการเติบเติบโตไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ถือเป็นกลไกของตลาดที่ทุกธุรกิจ ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงเหมือนกันหมด”
ล่าสุดบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิต 15% จากปัจจุบันเดือนละ 4 ล้านกระป๋อง เนื่องจากมียอดการสั่งซื้อในหลายพื้นที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วม แต่ออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้ทำให้ยอดขายบริษัทสูงตามไปด้วย เนื่องจากได้จำหน่ายสินค้าในราคาทุนให้กับองค์กรต่างๆ ที่จะนำไปช่วยผู้ประสบภัย ประกอบกับบริษัทได้นำสินค้าไปบริจาคเพิ่มเติมด้วย จึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องยอดขาย ส่วนร้านค้ารายใดที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมบริษัทก็พร้อมรับสินค้าคืน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีร้านค้ารายใดขอคืนสินค้าจากกรณีดังกล่าว เนื่องจากปลากระป๋องสามารถเก็บไว้ได้นาน
นายไกรเสริม กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่บริษัทต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% มานานหลายเดือนแล้ว โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์กระป๋องที่ทำจากเหล็กมีราคาสูงขึ้น แต่บริษัทก็ไม่ได้ปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เพราะไม่ต้องการผลักภาระให้ผู้บริโภค ดังนั้นแนวทางของบริษัท ยังต้องพยายามบริหารต้นทุนการผลิตสินค้า และวัตถุดิบไม่ให้สูงมากกว่านี้
สำหรับตลาดปลากระป๋องในซอสปรุงรส ผู้ประกอบการในตลาดเน้นกลยุทธ์ราคาขึ้นมาแข่งขัน และความหลากหลายของรสชาติ อย่างไรก็ตามในส่วนของปุ้มปุ้ยจะไม่ตัดราคาขายแข่งกับผู้ประกอบการรายอื่น พร้อมกันนั้นบริษัทอยู่ระหว่างรุกทำตลาดส่งออกอย่างจริงจังมากขึ้น โดยจะทำการตลาดและจัดกิจกรรมกับตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ ซึ่งขณะนี้ถือว่าปุ้มปุ้ยมีจำหน่ายอยู่เกือบทุกประเทศ ทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ
นายไกรเสริม โตทับเที่ยง รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายปลากระป๋องตราปุ้มปุ้ย เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของบริษัทมีอัตราการเติบโตเพียง 20% ไม่เป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราเติบโต 30% หรือต่ำกว่าเป้า 10% ทั้งนี้เป็นเพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง ส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ ซึ่งใช้กลยุทธ์ราคาในการจูงใจผู้บริโภคนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขาย เนื่องจากปุ้มปุ้ยเน้นความหลากหลายของสินค้า ทั้งปลากระป๋องในซอสมะเขือเทศ และปลากระป๋องปรุงรส ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพราะให้ความเชื่อมั่นแบรนด์
เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อและยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมจัดแคมเปญส่งเสริมการขายที่ยาวไปถึงต้นปีหน้า คาดได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ โดยอาจเป็นลักษณะการชิงโชค แต่ต้องบริหารจัดการให้โปร่งใส เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลให้ความสำคัญและคุมเข้มเรื่องดังกล่าวมาก ขณะที่ในทางธุรกิจก็ต้องหาช่องทางทำการตลาดเพื่อให้อยู่รอด ซึ่งบริษัทคาดว่าการจากรุกจัดโปรโมชั่นต่างๆ จะส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมในสิ้นปีนี้เติบโตตามเป้าหมาย 30% หรือรักษาอัตราการเติบโตให้เท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้ทั้งในประเทศและส่งออกประมาณ 700-800 ล้านบาท
“บริษัทไม่ค่อยพอใจผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เพราะมีอัตราการเติบเติบโตไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ถือเป็นกลไกของตลาดที่ทุกธุรกิจ ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงเหมือนกันหมด”
ล่าสุดบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิต 15% จากปัจจุบันเดือนละ 4 ล้านกระป๋อง เนื่องจากมียอดการสั่งซื้อในหลายพื้นที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วม แต่ออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้ทำให้ยอดขายบริษัทสูงตามไปด้วย เนื่องจากได้จำหน่ายสินค้าในราคาทุนให้กับองค์กรต่างๆ ที่จะนำไปช่วยผู้ประสบภัย ประกอบกับบริษัทได้นำสินค้าไปบริจาคเพิ่มเติมด้วย จึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องยอดขาย ส่วนร้านค้ารายใดที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมบริษัทก็พร้อมรับสินค้าคืน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีร้านค้ารายใดขอคืนสินค้าจากกรณีดังกล่าว เนื่องจากปลากระป๋องสามารถเก็บไว้ได้นาน
นายไกรเสริม กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่บริษัทต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% มานานหลายเดือนแล้ว โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์กระป๋องที่ทำจากเหล็กมีราคาสูงขึ้น แต่บริษัทก็ไม่ได้ปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เพราะไม่ต้องการผลักภาระให้ผู้บริโภค ดังนั้นแนวทางของบริษัท ยังต้องพยายามบริหารต้นทุนการผลิตสินค้า และวัตถุดิบไม่ให้สูงมากกว่านี้
สำหรับตลาดปลากระป๋องในซอสปรุงรส ผู้ประกอบการในตลาดเน้นกลยุทธ์ราคาขึ้นมาแข่งขัน และความหลากหลายของรสชาติ อย่างไรก็ตามในส่วนของปุ้มปุ้ยจะไม่ตัดราคาขายแข่งกับผู้ประกอบการรายอื่น พร้อมกันนั้นบริษัทอยู่ระหว่างรุกทำตลาดส่งออกอย่างจริงจังมากขึ้น โดยจะทำการตลาดและจัดกิจกรรมกับตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ ซึ่งขณะนี้ถือว่าปุ้มปุ้ยมีจำหน่ายอยู่เกือบทุกประเทศ ทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ