xs
xsm
sm
md
lg

เดอะไมเนอร์ฯเมินเศรษฐกิจโหมแฟรนไชส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ดไม่หวั่นปัจจัยลบทางเศรษฐกิจและการเมือง เดินหน้าขยายสาขาร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนีและรานไอศกรีมสเวนเซ่นส์ในรูปแบบแฟรนไชส์ต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าเปิดทั้ง 2 แบรนด์ในไทยให้ได้ปีละ 10-15 สาขา สนใจช่องทางต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสานตอนบนและตะวันออก หลังพบว่ากรุงเทพฯเริ่มอิ่มตัว คาดปีหน้ามีสาขารวม 2 แบรนด์กว่า 110 แห่งและดันยอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท

นายกุลวัฒน์ วิชัยลักษณ์ ผู้อำนวยการ ธุรกิจแฟรนไชส์ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารเดอะ พิซซ่า คอมปะนีและสเวนเซ่นส์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่ดี, ราคาน้ำมันแพงและปัญหาการเมือง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมบริษัทฯไม่มากนัก เนื่องจากการทำธุรกิจแฟรนไชส์จะมีการสั่งซื้อสินค้าในราคาเดียวที่ตั้งไว้แล้ว ฯลฯ ในส่วนของผู้ประกอบการแฟรนไชส์ก็พบว่ายังมีกำลังซื้อและเม็ดเงินที่จะลงทุนอยู่
อย่างไรก็ตามการจะขยายสาขาแฟรนไชส์นั้นก็ต้องขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา อาทิ สถานที่เปิดต้องไม่ซ้ำซ้อนกันหรือเจ้าของคนเดียวกันสามารถเปิดได้หลายสาขา เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ในกรุงเทพฯใกล้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ขณะที่ต่างจังหวัดยังมีพื้นที่ขยายสาขาได้อีก เช่น อีสานตอนบนและภาคตะวันออก เป็นต้น ทั้งนี้ในแต่ละปีบริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายที่จะขยายสาขาแฟรนไชส์ให้ได้ 10-15 สาขา

ปัจจุบันเดอะ พิซซ่า คอมปะนีและสเวนเซ่นส์มีสาขาแฟรนไชส์รวม 70 สาขา แบ่งเป็นเดอะ พิซซ่า คอมปะนี 31 สาขาและสเวนเซ่นส์ 39 สาขา โดยภายในปีนี้บริษัทฯคาดหวังจะเปิดสาขาแฟรนไชส์ของเดอะ พิซซ่า คอมปะนีให้ได้ที่ 35-37 สาขา และสเวนเซ่นส์ 45 สาขา

ขณะที่ปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าจะขยายทั้ง 2 แบรนด์ให้มีสาขารวมกว่า 110 สาขา แบ่งเป็นสัดส่วนเดอะ พิซซ่า คอมปะนี 40% และสเวนเซ่นส์ 60% ทั้งนี้การที่ร้านสเวนเซ่นส์มีสัดส่วนและจำนวนร้านแฟรนไชส์มากกว่าเดอะ พิซซ่าฯ เนื่องจากการลงทุนถูกกว่าเท่าตัวและพื้นที่ก็มีขนาดเล็ก ซึ่งหาได้ง่ายกว่า ส่วนแผนการตลาดระยะ 3-5 ปีนี้บริษัทฯคาดหวังทั้ง 2 แบรนด์จะมีสาขารวมกว่า 150 สาขา

“นโยบายหลักของบริษัทฯต้องการบริหารธุรกิจทั้งของบริษัทฯเองและในรูปแบบแฟรนไชส์ให้เติบโตควบคู่กัน ซึ่งการที่บริษัทฯให้ความสำคัญการแฟรนไชส์มากขึ้น เพราะภาครัฐให้การสนับสนุนธุรกิจแฟรนไชส์มากขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ธุรกิจนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 30% หรือมูลค่าของธุรกิจแฟรนไชส์มีกว่า 30,000 ล้านบาท อีกทั้งปัจจุบันคนมีความต้องการอยากเป็นเถ้าแก่มากขึ้นและการที่ให้เขาเข้ามาบริหารเองพบว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าการที่บริษัทฯไปจ้างเขา”

สำหรับการลงทุนแฟรนไชส์ของร้านอาหารเดอะ พิซซ่า คอมปะนีจะต้องใช้งบประมาณ 13 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ของร้านประมาณ 200-220 ตารางเมตร โดยบริษัทฯจะเก็บค่าลอยัลตี้ 5% ของยอดรายได้ และจะสามารถคืนทุนในระยะเวลา 4 ปีขึ้นไป ส่วนร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ใช้งบลงทุน 6-7 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ของร้าน 80-100 ตารางเมตร โดยค่าลอยัลตี้จะเก็บ 7% และจะคืนทุนในระยะเวลา 3-4 ปี ทั้งนี้ในส่วนของร้านแฟรนไชส์ที่ปิดตัวลงไปในช่วงที่ผ่านมาพบว่าไม่มี เพราะทางบริษัทฯแม่จะส่งทีมการตลาดไปช่วยหากร้านใดขาดทุนหรือผลกำไรไม่ดี

ในส่วนยอดรายได้ของแฟรนไชส์ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายที่ 800 กว่าล้านบาท แบ่งเป็นของร้านเดอะ พิซซ่าฯ 500 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโต 40% จากปีก่อนที่มียอดรายได้ 350 ล้านบาท ส่วนสเวนเซ่นส์คาดว่าจะมียอดขาย 330 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเติบโตขึ้นกว่า100%จากปีก่อนที่มียอด 115 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าบริษัทฯคาดหวังยอดขายทั้ง 2 แบรนด์รวม 1,000 กว่าล้านบาท

สำหรับการทำตลาดต่างประเทศในรูปแบบแฟรนไชส์ขณะนี้มีหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน,ดูไบ,กัมพูชา และฟิลิปปินส์ ฯลฯ โดยบริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดทางบริษัทเดอะ ไมเนอร์ฯได้จัดประชุมใหญ่ประจำปีในวันที่ 4-6 ตุลาคม 2549นี้ โดยได้เชิญผู้ประกอบการแฟรนไชส์ทั่วประเทศมาเข้าร่วมงานกว่า 100 คนจาก 70 สาขาทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมและวางแนวทางการพัฒนาธุรกิจให้กับผู้ประกอบการต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น