ผู้ประกอบการชิปปิ้งโวยสินค้าตกค้างใน"สุวรรณภูมิ"เพียบ หลังเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา ระบุสารพัดปัญหา ทั้งแบบฟอร์มไม่ชัดเจน คลังสินค้าไม่เพียงพอ และระบบการขออนุมัติล่าช้า เผยเตรียมรวมตัวพูดคุยกันก่อนเสนอทางออกต่อ ทอท.หาทางแก้ต่อไป
วันนี้(4 ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ได้มีตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รวมตัวกันแถลงข่าว และระบุว่าในขณะนี้ยังมีปัญหาสินค้าตกค้างทั้งในส่วนการนำเข้า-ส่งออก ซึ่งปัญหาหลักเกิดจาก 4 ประเด็น ได้ แก่ 1. เอกสารนำเข้า-ส่งออก โดยกรมศุลกากร ซึ่งมีการอนุมัติล่าช้า ทั้งในส่วนของคลังสินค้า (คาร์โก้) บริษัท บางกอกไฟลท์ เซอร์วิสเซส (บีเอฟเอส) และคาร์โก้ของการบินไทย 2. เอกสารหรือแบบฟอร์มที่ทาง “สุวรรณภูมิ” เป็นแบบฟอร์มใหม่ แตกต่างจาก “ดอนเมือง” โดยที่ “สุวรรณภูมิ” ไม่มีการระบุไฟลท์ หรือเที่ยวบิน และวันเวลาที่สินค้าจะเข้ามา ทำให้ผู้ประกอบการที่เป็นตัวแทนหรือชิปปิ้งหาสินค้าไม่พบ ทำให้ไม่สามารถขนส่งสินค้าได้ทันตามเวลาที่กำหนด 3. เรื่องบุคลากร ที่พบบีเอฟเอสมีไม่เพียงพอ และไม่มีประสบการณ์มาก่อน และ 4. เรื่องระบบโทรศัพท์ที่ติดต่อสื่อสารได้ยากลำบาก ดังนั้น ในช่วงบ่ายวันนี้บรรดาชิปปิ้งที่มีประมาณกว่า 50 บริษัท จะหารือกันเพื่อหาทางแก้ปัญหา โดยจะเสนอต่อผู้บริหารบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไป
นางสุมาลี ไชยเฉลิมกุล ตัวแทนชิปปิ้ง กล่าวว่า ขณะนี้สินค้านำเข้าของชิปปิ้งหลายรายมีปัญหาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องระบบของกรมศุลกากรที่ยังเชื่อมต่อของผู้ประกอบไม่ได้ ทำให้เกิดขั้นตอนยุ่งยากมีการรอคิวทำให้ล่าช้า และยังพบว่าพื้นที่คาร์โก้ของทั้งบีเอฟเอส และการบินไทยมีพื้นที่ไม่เพียงพอ ซึ่งในขณะนี้ทราบว่าการบินไทยกำลังจะขยายพื้นที่เพิ่มเติม แต่ก็ไม่น่าจะเพียงพอต่อปริมาณสินค้า
ด้านเรืออากาศโทอภินันท์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย กล่าวว่า กล่าวว่า ขณะนี้ในส่วนของคาร์โก้ พื้นที่ปลอดภาษีหรือฟรีโซนของการบินไทย พร้อมที่จะขยายพื้นที่ออกไปเต็มพื้นที่ภายหลังจากที่คณะกรรมการกำกับดูแลการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมี พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธาน วานนี้ ได้ให้การบินไทยขยายพื้นที่ และยังเดินหน้าตามนโยบายเป็นเดิมคือ การผลักดันให้พื้นที่คาร์โก้ที่สุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าในภูมิภาคนี้ ซึ่งประเทศไทยมีความได้เปรียบในด้านที่ตั้งของภูมิศาสตร์ มากกว่ามาเลเซีย สิงคโปร์ ซึ่ง ”สุวรรณภูมิ” สามารถรองรับสินค้าที่มาจากประเทศต่างที่มาพักวางสินค้าไว้ที่เขตฟรีโซน ก่อนที่จะมีการกระจายสินค้าออกไป
“ปัญหาตอนนี้ ติดขัดในเรื่องของ connecting time เรื่องกระบวนการของเวลาที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งการบินไทยจะมีการหารือร่วมกับ ทอท.ในการแก้ปัญหา” เรืออากาศโทอภินันทน์ กล่าว
นายชาญชัย สิงโตโรจน์ กรรมการผู้จัดการฝ่านพาณิชย์สินค้าและไปรษณีย์ภัณฑ์ บมจ.การบินไทย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่คาร์โก้ของบีเอฟเอส ซึ่งในขณะนี้ทางบีเอฟเอสได้ขอให้มาใช้พื้นที่ของการบินไทยนั้น เรื่องนี้การบินไทยพร้อมช่วยเหลือและจะมีการแถลงข่าวอย่างชัดเจน ในสัปดาห์หน้าซึ่งจะมีการแถลงถึงแนวทางการบริหารพื้นที่ฟรีโซนอย่างละเอียด