ผู้บริหารดอนเมืองโทลล์เวย์ บ่นสูญเสียรายได้กว่าวันละ 600,000 บาท หลังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดให้บริการแค่ 7 วัน วอนรัฐบาลชุดใหม่ปัดฝุ่นพิจารณาโลคัลโรดของกระทรวงคมนาคม เหตุทำบริษัทขาดทุนสะสม กว่า 4,000-5,000 ล้านบาท
นายสมบัติ พานิชชีวะ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน ) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ กล่าวยอมรับว่า ภายหลังจากที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณการจราจร ผู้เดินทาง และผู้ที่เคยปฏิบัติงานที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ ซึ่งใช้ทางของดอนเมืองโทลล์เวย์ ลดลงแล้วเฉลี่ยประมาณร้อยละ 22 หรือประมาณวันละ 30,000 คัน ส่งผลให้รายได้ของดอนเมืองโทลล์เวย์ลดลงจากวันละ 3.3 ล้านบาท ลงเหลือวันละ 2.7 ล้านบาท หรือลดลงทันที 600,000 บาทต่อวัน
“ผลที่เกิดขึ้นจากการโยกย้ายท่าอากาศยานครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่ดอนเมืองโทลล์เวย์ต้องยอมรับ และไม่จำเป็นต้องปรับตัว หรือลดราคาค่าผ่านทางแต่อย่างใด เพราะในอนาคต ปริมาณการจราจรปกติที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี ก็จะกลับมาชดเชยรายได้ที่ดอนเมืองโทลล์เวย์ที่สูญเสียไป ทำให้ดอนเมืองโทลล์เวย์มีรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต” นายสมบัติกล่าว
สำหรับการชดเชยผลขาดทุนตามข้อพิพาทระหว่างดอนเมืองโทลล์เวย์และภาครัฐที่มีมากว่า 10 ปี กรรมการผู้อำนวยการดอนเมืองโทลล์เวย์ กล่าวว่า หลังจากที่ดอนเมืองโทลล์เวย์ก่อสร้างทางและภาครัฐได้มีการขยายช่องจราจรถนนโลคัลโรดริมถนนวิภาวดีรังสิต ส่งผลให้ดอนเมืองโทลล์เวย์ประสบผลขาดทุนสะสมเป็นเงิน 4,000-5,000 ล้านบาท และได้มีการเจรจากับรัฐบาลชุดที่แล้ว เพื่อหาแนวทางชดเชยแก่บริษัท โดยขั้นตอนได้ผ่านกระบวนการเจรจากับผู้แทนกรมทางหลวง และกระทรวงคมนาคมจนเกือบได้ข้อสรุปแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้ปัญหาดังกล่าวค้างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีมากว่า 1 ปีครึ่ง ส่งผลให้ฐานะทางการเงินของดอนเมืองโทลล์เวย์อยู่ในสภาพสั่นคลอน และหวังว่าภายหลังจากมีการตั้งรัฐบาลชุดใหม่ คณะรัฐมนตรีจะหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาโดยเร็ว
นายสมบัติ พานิชชีวะ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน ) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ กล่าวยอมรับว่า ภายหลังจากที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณการจราจร ผู้เดินทาง และผู้ที่เคยปฏิบัติงานที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ ซึ่งใช้ทางของดอนเมืองโทลล์เวย์ ลดลงแล้วเฉลี่ยประมาณร้อยละ 22 หรือประมาณวันละ 30,000 คัน ส่งผลให้รายได้ของดอนเมืองโทลล์เวย์ลดลงจากวันละ 3.3 ล้านบาท ลงเหลือวันละ 2.7 ล้านบาท หรือลดลงทันที 600,000 บาทต่อวัน
“ผลที่เกิดขึ้นจากการโยกย้ายท่าอากาศยานครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่ดอนเมืองโทลล์เวย์ต้องยอมรับ และไม่จำเป็นต้องปรับตัว หรือลดราคาค่าผ่านทางแต่อย่างใด เพราะในอนาคต ปริมาณการจราจรปกติที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี ก็จะกลับมาชดเชยรายได้ที่ดอนเมืองโทลล์เวย์ที่สูญเสียไป ทำให้ดอนเมืองโทลล์เวย์มีรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต” นายสมบัติกล่าว
สำหรับการชดเชยผลขาดทุนตามข้อพิพาทระหว่างดอนเมืองโทลล์เวย์และภาครัฐที่มีมากว่า 10 ปี กรรมการผู้อำนวยการดอนเมืองโทลล์เวย์ กล่าวว่า หลังจากที่ดอนเมืองโทลล์เวย์ก่อสร้างทางและภาครัฐได้มีการขยายช่องจราจรถนนโลคัลโรดริมถนนวิภาวดีรังสิต ส่งผลให้ดอนเมืองโทลล์เวย์ประสบผลขาดทุนสะสมเป็นเงิน 4,000-5,000 ล้านบาท และได้มีการเจรจากับรัฐบาลชุดที่แล้ว เพื่อหาแนวทางชดเชยแก่บริษัท โดยขั้นตอนได้ผ่านกระบวนการเจรจากับผู้แทนกรมทางหลวง และกระทรวงคมนาคมจนเกือบได้ข้อสรุปแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้ปัญหาดังกล่าวค้างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีมากว่า 1 ปีครึ่ง ส่งผลให้ฐานะทางการเงินของดอนเมืองโทลล์เวย์อยู่ในสภาพสั่นคลอน และหวังว่าภายหลังจากมีการตั้งรัฐบาลชุดใหม่ คณะรัฐมนตรีจะหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาโดยเร็ว