ปลัดคลังเรียกประชุมผู้บริหาร เชื่อมั่นงบประมาณปี 2550 ออกสู่ระบบได้เร็วกว่าเดิมหลายเดือน หลังจากเตรียมออกธรรมนูญการปกครองในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เมื่อมีรัฐบาลพลเรือนเข้ามาบริหารชั่วคราว
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงการคลัง เพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับนโยบายและทิศทางของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อให้ผู้บริหารเร่งไปทำความเข้าใจแนวทางดังกล่าว โดยคณะปฏิรูปฯ จะออกธรรมนูญการปกครองภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยมีรัฐบาลพลเรือนเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งเมื่อมีแนวทางดังกล่าวเป็นที่ชัดเจน จะทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศติดต่อค้าขายเป็นไปอย่างปกติ และเชื่อมั่นว่างบประมาณปี 2550 จะออกสู่ระบบได้เร็วกว่าเดิมหลายเดือน จากเดิมคาดว่างบลงทุนจะออกสู่ระบบได้ประมาณเดือนมีนาคม 2550 ทำให้เงินงบประมาณออกไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความไม่มั่นใจจากเดิมที่กังวลว่าเงินงบประมาณจะออกสู่ระบบล่าช้า
ส่วนการเปิดซื้อหุ้นในวันนี้ นับว่าเป็นการปรับลดลงไม่มากนัก เพราะหลังจากได้ลดลงในช่วงแรกเกือบ 30 จุด และได้ขยับขึ้นมาลบเพียง 5-6 จุด ในช่วงแรกของภาคเช้า นับว่าเป็นการตระหนกไม่มากนัก นับว่านักลงทุนมีความเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองของไทยมากขึ้น และจากการเดินทางไปร่วมประชุมธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่สิงคโปร์ ต่างชาติได้สอบถามมากในเรื่องปัญหาการเมืองก่อนที่จะมีการปฏิรูปฯ แต่เมื่อคณะปฏิรูปฯ ได้ดำเนินการ นับว่ามีแนวทางนำไปสู่ภาวะปกติมากขึ้น สำหรับกรอบรายจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2550 ยังคงจัดทำงบแบบขาดดุล โดยมีรายได้ 1.4 ล้านล้าน และงบรายจ่าย 1.476 หรือมากกว่า ซึ่งต้องรอรัฐบาลพลเรือนชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารเป็นผู้ตัดสินใจ
สำหรับการตรวจสอบภาษีการขายหุ้นชินคอร์ปเป็นหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนโครงการใด ๆ ของรัฐบาลชุดเดิม ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ หากเห็นว่าเป็นผลดีต่อประชาชนก็คาดว่าพร้อมดำเนินการต่อ เช่น โครงการบ้านหลังแรก ซึ่งธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งคืบหน้าไปมากแล้ว
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงการคลัง เพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับนโยบายและทิศทางของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อให้ผู้บริหารเร่งไปทำความเข้าใจแนวทางดังกล่าว โดยคณะปฏิรูปฯ จะออกธรรมนูญการปกครองภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยมีรัฐบาลพลเรือนเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งเมื่อมีแนวทางดังกล่าวเป็นที่ชัดเจน จะทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศติดต่อค้าขายเป็นไปอย่างปกติ และเชื่อมั่นว่างบประมาณปี 2550 จะออกสู่ระบบได้เร็วกว่าเดิมหลายเดือน จากเดิมคาดว่างบลงทุนจะออกสู่ระบบได้ประมาณเดือนมีนาคม 2550 ทำให้เงินงบประมาณออกไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความไม่มั่นใจจากเดิมที่กังวลว่าเงินงบประมาณจะออกสู่ระบบล่าช้า
ส่วนการเปิดซื้อหุ้นในวันนี้ นับว่าเป็นการปรับลดลงไม่มากนัก เพราะหลังจากได้ลดลงในช่วงแรกเกือบ 30 จุด และได้ขยับขึ้นมาลบเพียง 5-6 จุด ในช่วงแรกของภาคเช้า นับว่าเป็นการตระหนกไม่มากนัก นับว่านักลงทุนมีความเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองของไทยมากขึ้น และจากการเดินทางไปร่วมประชุมธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่สิงคโปร์ ต่างชาติได้สอบถามมากในเรื่องปัญหาการเมืองก่อนที่จะมีการปฏิรูปฯ แต่เมื่อคณะปฏิรูปฯ ได้ดำเนินการ นับว่ามีแนวทางนำไปสู่ภาวะปกติมากขึ้น สำหรับกรอบรายจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2550 ยังคงจัดทำงบแบบขาดดุล โดยมีรายได้ 1.4 ล้านล้าน และงบรายจ่าย 1.476 หรือมากกว่า ซึ่งต้องรอรัฐบาลพลเรือนชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารเป็นผู้ตัดสินใจ
สำหรับการตรวจสอบภาษีการขายหุ้นชินคอร์ปเป็นหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนโครงการใด ๆ ของรัฐบาลชุดเดิม ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ หากเห็นว่าเป็นผลดีต่อประชาชนก็คาดว่าพร้อมดำเนินการต่อ เช่น โครงการบ้านหลังแรก ซึ่งธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งคืบหน้าไปมากแล้ว