โรงงานยาสูบเฮหลังกรมสรรพสามิตปรับขึ้นราคาบุหรี่นอก คาดส่วนแบ่งตลาดปีหน้าเพิ่มขึ้นอีก 2% ขณะที่การสร้างโรงงานใหม่ต้องรอครม.ชุดใหม่เป็นผู้อนุมัติเชื่อคืนทุนได้ใน 6 ปี
นายสุชน วัฒนพงษ์วานิช ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า การที่กรมสรรสามิตปรับขึ้นภาษีนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศ ทำให้ราคาบุหรี่นำเข้าเพิ่มขึ้นซองละประมาณ 12-15 บาทนั้น การปรับขึ้นราคาดังกล่าวส่งผลให้บุหรี่ของโรงงานยาสูบได้รับผลดีไปด้วย เนื่องจากบุหรี่ที่โรงงานยาสูบผลิตนั้นยังคงอยู่ในราคาเดิม ซึ่งส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของโรงงานยาสูบจะเพิ่มขึ้น จาก 82% ในปี 2549 เพิ่มเป็น 84% ในปี 2550 ขณะที่บุหรี่ต่างประเทศส่วนแบ่งจะลดลงจาก 18% ในปี 2549 เหลือ 16% ในปี 2550
"การปรับเพิ่มภาษีบุหรี่นำเข้าในครั้งนี้ ยอมรับว่าส่งผลให้ราคาบุหรี่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ทั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีของโรงงานยาสูบที่จะมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิมมาอยู่ที่ 84% ขณะที่การขายบุหรี่นำเข้าน่าจะปรับตัวลดลงเหลือ 16% จากเดิมอยู่ที่ 18% และในส่วนของเกษตรกรที่ปลูกยาสูบเองก็ได้รับอานิสงค์ในครั้งนี้ด้วย เพราะจะช่วยให้ราคายาสูบเพิ่มขึ้นตาม" นายสุชน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอดการจำหน่ายบุหรี่ของโรงงานยาสูบหลังมีการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าบุหรี่แล้วคาดว่าโรงงานยาสูบจะจำหน่ายบุหรี่ในปี 2550 ได้ประมาณ 29,200 ล้านมวน จากปี 49 จำหน่ายได้ 28,000 ล้านมวน สำหรับกำไรสุทธิในปี 49 คาดว่าจะอยู่ที่ 5,300 ล้านบาท ลดลงจากปี 48 ซึ่งอยู่ที่ 6,200 ล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลได้รณรงค์การงดสูบบุหรี่มากขึ้น โดยยอมรับว่าจะช่วยทำให้บุหรี่ไทยที่ผลิตโดยโรงงานยาสูบมีโอกาสการขยายตลาดมากขึ้น ที่สำคัญการปรับราคาบุหรี่ครั้งนี้ยังส่งผลถึงเกษตรกรที่ปลูกยาสูบให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับการตั้งโรงงานที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี( ครม.) ได้อนุมัติเบื้องต้นแล้วนั้น คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในช่วงเดือน ตุลาคม - พฤศจิกายน 2549 ต้องรอรัฐชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ โดยขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะใช้เครื่องผลิตยาสูบที่มีความเร็วต่อมวนลดลงเพื่อให้มีราคาถูกกว่าเดิม หรือจะใช้เครื่องที่มีความเร็วสูงขึ้น ซึ่งหากใช้เงินลงทุนประมาณ 15,000 ล้านบาท จะผลิตได้ 10,000 มวนต่อนาที หากใช้เงินลงทุน 16,000 ล้านบาท จะผลิตได้ 14,000 มวนต่อนาที ซึ่งเบื้องต้นได้ขอมติ ครม.เดิมไว้ 10 เครื่อง สำหรับเครื่องผลิตยาสูบความเร็ว 9,000 มวนต่อนาที ส่วนเครื่องที่ผลิตด้วยความเร็ว 10,000 มวนต่อนาที จำนวน 6 เครื่อง และหากตั้งโรงงานยาสูบได้จะรับจ้างผลิตบุหรี่จากต่างประเทศด้วย และคาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 5 ปี
นายสุชน วัฒนพงษ์วานิช ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า การที่กรมสรรสามิตปรับขึ้นภาษีนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศ ทำให้ราคาบุหรี่นำเข้าเพิ่มขึ้นซองละประมาณ 12-15 บาทนั้น การปรับขึ้นราคาดังกล่าวส่งผลให้บุหรี่ของโรงงานยาสูบได้รับผลดีไปด้วย เนื่องจากบุหรี่ที่โรงงานยาสูบผลิตนั้นยังคงอยู่ในราคาเดิม ซึ่งส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของโรงงานยาสูบจะเพิ่มขึ้น จาก 82% ในปี 2549 เพิ่มเป็น 84% ในปี 2550 ขณะที่บุหรี่ต่างประเทศส่วนแบ่งจะลดลงจาก 18% ในปี 2549 เหลือ 16% ในปี 2550
"การปรับเพิ่มภาษีบุหรี่นำเข้าในครั้งนี้ ยอมรับว่าส่งผลให้ราคาบุหรี่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ทั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีของโรงงานยาสูบที่จะมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิมมาอยู่ที่ 84% ขณะที่การขายบุหรี่นำเข้าน่าจะปรับตัวลดลงเหลือ 16% จากเดิมอยู่ที่ 18% และในส่วนของเกษตรกรที่ปลูกยาสูบเองก็ได้รับอานิสงค์ในครั้งนี้ด้วย เพราะจะช่วยให้ราคายาสูบเพิ่มขึ้นตาม" นายสุชน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอดการจำหน่ายบุหรี่ของโรงงานยาสูบหลังมีการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าบุหรี่แล้วคาดว่าโรงงานยาสูบจะจำหน่ายบุหรี่ในปี 2550 ได้ประมาณ 29,200 ล้านมวน จากปี 49 จำหน่ายได้ 28,000 ล้านมวน สำหรับกำไรสุทธิในปี 49 คาดว่าจะอยู่ที่ 5,300 ล้านบาท ลดลงจากปี 48 ซึ่งอยู่ที่ 6,200 ล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลได้รณรงค์การงดสูบบุหรี่มากขึ้น โดยยอมรับว่าจะช่วยทำให้บุหรี่ไทยที่ผลิตโดยโรงงานยาสูบมีโอกาสการขยายตลาดมากขึ้น ที่สำคัญการปรับราคาบุหรี่ครั้งนี้ยังส่งผลถึงเกษตรกรที่ปลูกยาสูบให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับการตั้งโรงงานที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี( ครม.) ได้อนุมัติเบื้องต้นแล้วนั้น คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในช่วงเดือน ตุลาคม - พฤศจิกายน 2549 ต้องรอรัฐชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ โดยขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะใช้เครื่องผลิตยาสูบที่มีความเร็วต่อมวนลดลงเพื่อให้มีราคาถูกกว่าเดิม หรือจะใช้เครื่องที่มีความเร็วสูงขึ้น ซึ่งหากใช้เงินลงทุนประมาณ 15,000 ล้านบาท จะผลิตได้ 10,000 มวนต่อนาที หากใช้เงินลงทุน 16,000 ล้านบาท จะผลิตได้ 14,000 มวนต่อนาที ซึ่งเบื้องต้นได้ขอมติ ครม.เดิมไว้ 10 เครื่อง สำหรับเครื่องผลิตยาสูบความเร็ว 9,000 มวนต่อนาที ส่วนเครื่องที่ผลิตด้วยความเร็ว 10,000 มวนต่อนาที จำนวน 6 เครื่อง และหากตั้งโรงงานยาสูบได้จะรับจ้างผลิตบุหรี่จากต่างประเทศด้วย และคาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 5 ปี