วาย แอนด์ อาร์ เชื่อภาพรวมโฆษณาปีหมูน่าเป็นห่วงกว่าปีนี้ คาดตลาดจะกลับมาสดใสก็ปาไปกลางปีหน้า แต่ปัจจัยหลักคงต้องรอดูผลการเลือกตั้งช่วงปลายปีนี้ก่อน พร้อมห่วงตลาดออแกไนซ์ลำบากแน่ปีหน้า หลังคนแห่เข้าร่วมธุรกิจเป็นดอกเห็ด ด้านภาพรวมโฆษณาโค้งสุดท้ายของปีนี้เชื่อลูกค้ายังใช้จ่ายเม็ดเงินหนักอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและอสังหาริมทรัพย์ที่พร้อมอัดงบหนักในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้
นายตรง ตันติเวชกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัทวาย แอนด์ อาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมอุตสาหกรรมในปีหน้าว่า น่าเป็นห่วงกว่าปีนี้หรืออาจจะเสมอตัว โดยในช่วงต้นปีตลาดโฆษณาอาจจะยังไม่ดีขึ้นทีเดียว แต่คาดว่าตลาดจะเริ่มกลับดีในช่วงกลางปี ซึ่งตรงนี้คงต้องรอสถานการณ์ทางการเมืองหรือผลการเลือกตั้งใหญ่ในเดือนตุลาคมก่อนทุกอย่างถึงคลี่คลายลงและเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมองว่าในปีหน้าธุรกิจออร์แกไนซ์จะลำบาก เนื่องจากตลาดถึงภาวะอิ่มตัว จากการที่หลายคนสนใจและแห่เข้ามาทำธุรกิจนี้เป็นจำนวนมาก โดยที่ตัวบริษัทยังไม่มีมาตรฐานและไม่มีคุณภาพที่ดีพอ เพราะคิดว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นนิมิตใหม่ของการใช้เงินของลูกค้า ดังนั้นผู้ประกอบการที่จะอยู่ในตลาดได้จะต้องมีศักยภาพหรือคุณภาพที่ดี ส่วนรายเล็กที่ไม่มีคุณภาพก็จะล้มหายตายจากตลาดไป
ส่วนภาพรวมตลาดโฆษณาในครึ่งปีหลังนี้มองว่าลูกค้าจะระมัดระวังในการใช้จ่ายเม็ดเงินมากขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับลดงบโฆษณาลง โดยยังคงใช้จ่ายเม็ดเงินในการทำตลาดและจัดแคมเปญต่างๆ อยู่ เพื่อตอบสนองกับผู้บริโภคที่ยังกินยังใช้สินค้าอยู่เหมือนเดิม โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ซึ่งถือเป็นช่วงฤดูการขายสินค้า
ดังนั้นผู้ประกอบการจะมีการใช้จ่ายเม็ดเงินโฆษณามาก อาทิ กลุ่มเครื่องดื่มซอฟท์ดริ๊งหรือน้ำผลไม้ เนื่องจากรายใหญ่อย่างบริษัท เป๊ปซี่-โคล่าหันมาใช้งบกับน้ำผลไม้ทรอปิคาน่าเป็นจำนวนมาก หรือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็คาดว่าจะมีการใช้จ่ายเงินในช่วงปลายปีมากขึ้น เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะใช้จ่ายเม็ดเงินน้อยลง เช่น กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่ถูกจำกัดเรื่องการโฆษณาและหันไปมุ่งเน้นการจัดโปรโมชั่นที่ร้านค้าหรือจุดขายเป็นหลัก
"ขณะที่แนวโน้มการคิดหรือสร้างสรรค์งานโฆษณาในช่วงเวลานี้มองว่าจะต้องพูดถึงตัวสินค้าหรือจุดขายของสินค้าให้ชัดเจนมากขึ้น โดยยังมีไอเดียเป็นจุดขายที่สำคัญอยู่ในท่ามกลางภาวะความวุ่นวายนี้ พร้อมสอดแทรกเอนเตอร์เทนเมนต์หรือใส่อารมณ์ขันลงไปในชิ้นงานหรือสินค้านั้น"
ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทวาย แอนด์ อาร์ฯ ในช่วงครึ่งปีหลังมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 2-3 ราย อาทิ คิงพาวเวอร์,ธนาคาธนชาติ และสินค้าน้ำหอมของบริษัทโอสถสภา เป็นต้น
นายตรง ตันติเวชกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัทวาย แอนด์ อาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมอุตสาหกรรมในปีหน้าว่า น่าเป็นห่วงกว่าปีนี้หรืออาจจะเสมอตัว โดยในช่วงต้นปีตลาดโฆษณาอาจจะยังไม่ดีขึ้นทีเดียว แต่คาดว่าตลาดจะเริ่มกลับดีในช่วงกลางปี ซึ่งตรงนี้คงต้องรอสถานการณ์ทางการเมืองหรือผลการเลือกตั้งใหญ่ในเดือนตุลาคมก่อนทุกอย่างถึงคลี่คลายลงและเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมองว่าในปีหน้าธุรกิจออร์แกไนซ์จะลำบาก เนื่องจากตลาดถึงภาวะอิ่มตัว จากการที่หลายคนสนใจและแห่เข้ามาทำธุรกิจนี้เป็นจำนวนมาก โดยที่ตัวบริษัทยังไม่มีมาตรฐานและไม่มีคุณภาพที่ดีพอ เพราะคิดว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นนิมิตใหม่ของการใช้เงินของลูกค้า ดังนั้นผู้ประกอบการที่จะอยู่ในตลาดได้จะต้องมีศักยภาพหรือคุณภาพที่ดี ส่วนรายเล็กที่ไม่มีคุณภาพก็จะล้มหายตายจากตลาดไป
ส่วนภาพรวมตลาดโฆษณาในครึ่งปีหลังนี้มองว่าลูกค้าจะระมัดระวังในการใช้จ่ายเม็ดเงินมากขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับลดงบโฆษณาลง โดยยังคงใช้จ่ายเม็ดเงินในการทำตลาดและจัดแคมเปญต่างๆ อยู่ เพื่อตอบสนองกับผู้บริโภคที่ยังกินยังใช้สินค้าอยู่เหมือนเดิม โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ซึ่งถือเป็นช่วงฤดูการขายสินค้า
ดังนั้นผู้ประกอบการจะมีการใช้จ่ายเม็ดเงินโฆษณามาก อาทิ กลุ่มเครื่องดื่มซอฟท์ดริ๊งหรือน้ำผลไม้ เนื่องจากรายใหญ่อย่างบริษัท เป๊ปซี่-โคล่าหันมาใช้งบกับน้ำผลไม้ทรอปิคาน่าเป็นจำนวนมาก หรือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็คาดว่าจะมีการใช้จ่ายเงินในช่วงปลายปีมากขึ้น เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะใช้จ่ายเม็ดเงินน้อยลง เช่น กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่ถูกจำกัดเรื่องการโฆษณาและหันไปมุ่งเน้นการจัดโปรโมชั่นที่ร้านค้าหรือจุดขายเป็นหลัก
"ขณะที่แนวโน้มการคิดหรือสร้างสรรค์งานโฆษณาในช่วงเวลานี้มองว่าจะต้องพูดถึงตัวสินค้าหรือจุดขายของสินค้าให้ชัดเจนมากขึ้น โดยยังมีไอเดียเป็นจุดขายที่สำคัญอยู่ในท่ามกลางภาวะความวุ่นวายนี้ พร้อมสอดแทรกเอนเตอร์เทนเมนต์หรือใส่อารมณ์ขันลงไปในชิ้นงานหรือสินค้านั้น"
ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทวาย แอนด์ อาร์ฯ ในช่วงครึ่งปีหลังมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 2-3 ราย อาทิ คิงพาวเวอร์,ธนาคาธนชาติ และสินค้าน้ำหอมของบริษัทโอสถสภา เป็นต้น