xs
xsm
sm
md
lg

ห้างเซ็นทรัลมัดใจคนรักตุ๊กตาหมี ซื้อแฟรนไชส์“บิ้วด์ อะแบร์ฯ”บุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เซ็นทรัล สร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่ง จีบบิ้วด์ อะแบร์ เวิร์คชอป ร้านตุ๊กตาหมีชื่อดังระดับโลกเอาใจคนไทย ชูความเป็นเอกลักษณ์แต่งตัวให้ตุ๊กตาได้ ล่าสุดทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท ผุดชอปแรกที่เซ็นทรัล ชิดลม มั่นใจสิ้นปีรับทรัพย์กว่า 10 ล้านบาท

นางยุวดี จิราธิวัฒน์ พิจารณ์จิตร
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้า เซ็นทรัล จำกัด ผู้นำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่าย บิ้วด์ อะแบร์ เวิร์คชอป แห่งเดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เข้าไปใช้บริการบิ้วด์ อะแบร์ เวิร์คชอป ที่อเมริกามานั้น ทำให้รู้สึกสนใจในธุรกิจร้านตุ๊กตาหมีที่สามารถแต่งตัวให้ได้ จึงได้ติดต่อเจรจาขอซื้อแฟรนไซส์จากร้านบิ้วด์ อะแบร์ เวิร์คชอป ที่อมริกาเข้ามาเปิดในประเทศไทย ซึ่งใช้ระยะเวลาในการเจรจาไม่นาน เนื่องจากพบว่าโอกาสในการดำเนินธุรกิจดังกล่าวมีความเป็นไปได้สูง เพราะตุ๊กตาหมีถือเป็นตุ๊กตาที่ทุกเพศทุกวัยยังให้ความนิยมอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งกลยุทธ์ที่ทางบิ้วด์ อะแบร์ฯนำมาใช้นั้น ยังเป็นจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร และคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี

ดังนั้นเบื้องต้นบริษัทฯได้วางงบลงทุนกว่า 20 ล้านบาท สำหรับเปิดชอป บิ้วด์ อะแบร์ เวิร์คชอป แห่งแรกที่ เซ็นทรัลชิดลม บนพื้นที่ประมาณ 120 ตารางเมตร เนื่องจากสินค้าและอุปกรณ์รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นจะเป็นการนำเข้าทั้งหมด ตามความต้องการของบริษัทแม่ และเดือนธันวาคมจะมีเปิดอีก 1 สาขาที่เซนในลักษณะของสแตนอะโลนอินชอป บนพื้นที่ 200 ตารางเมตร ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่กว่าแต่ใช้งบลงทุนประมาณ 20 ล้านบาทเท่าๆกัน เนื่องจากอุปกรณ์ตกแต่งบางส่วนจะเป็นสั่งทำภายในประเทศนั้นเอง

สำหรับบิ้วด์ อะแบร์ฯที่เซ็นทรัลชิดลมนั้นได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากการนำกลยุทธ์หลักของบิ้วด์ อะแบร์ เวิร์คชอปมาใช้ โดยจะเน้นการทำกิจกรรมได้ภายในร้าน ด้วยการที่สามารถตกแต่งตุ๊กตาหมี ตั้งแต่ขั้นตอนของการใส่นุ่น ไปจนถึงแต่งตัวให้ตุ๊กตาหมี พร้อมบรรจุกลับบ้านได้ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มเด็กอายุ 3-12 ปี ในขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยกว่า 75% และต่างชาติ 25%

ทั้งนี้บริษัทฯได้วางงบการตลาดประมาณ 4-5 ล้านบาท สำหรับการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ต่างๆในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพื่อให้บิ้วด์ อะแบร์ ฯเป็นที่รู้จักมากขึ้น อาทิ เช่น การทำกิจกรรมเพื่อสังคม โครงการ สตัฟด์ วิท ฮัก ให้ลูกค้าสร้างตุ๊กตาหมีด้วยกัน เพื่อนำไปมอบให้เด็กด้อยโอกาส ในมูลนิธิเพื่อนพึ่งพายามยากจำนวน 200 ตัว คาดว่าในแต่ละเดือนจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1.5-2 ล้านบาทต่อเดือน หรือทั้งปีมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

ส่วนตุ๊กตาที่วางจำหน่ายนั้น จะมีอยู่ 23 แบบ และมีเสื้อผ้ารวมไปถึงแอดเซสซารีรวมกันอีกกว่า 300 เอสเคยู ราคาจำหน่ายเริ่มต้นจาก ตุ๊กตาที่ยังไม่ใส่นุ่น ราคา 425 บาท ไปจนถึงการเติมแต่งแอดเซสซารีครบเซ็ทราคาประมาณ 1,250 บาทต่อ 1 ตัว ซึ่งราคาดังกล่าวเมื่อเทียบกับทางอเมริกาแล้ว จะมีราคาที่ใกล้เคียงกัน หรืออาจจะสูงกว่า 20% นอกจากนี้ยังจะมีการออกตุ๊กตาคอลเลกชั่นต่างๆอย่างต่อเนื่อง ตามแต่ละเทศกาล เช่น วันแม่ ฮาโลวีน คริสต์มาส รวมไปถึงชุดไทยประจำชาติด้วย

อย่างไรก็ตามในระยะ 10 ปีนับจากนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดสาขาอีกอย่างน้อย 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยในช่วงแรกจะเป็นการเปิดที่กรุงเทพเป็นหลัก และอีก 2-3 ปีจะเริ่มขยายสู่ต่างจังหวัดในหัวเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา

ในขณะที่บริษัทฯแม่เองนั้น 8 ปีที่ผ่านมา จำหน่ายตุ๊กตาไปแล้วกว่า 35 ล้านตัวทั่วโลก และมีสาขาในเซาท์อเมริกากว่า 230 สาขา สาขาในต่างประเทศรวม 70 สาขา แบ่งเป็นอังกฤษ 40 สาขา และในเอเชีย 30 สาขา ในขณะที่ช่วงปลายปีนี้โซนเอเชียกำลังจะเปิดอีก 3สาขา ได้แก่ ญี่ปุ่น 1 สาขา เกาหลี 1 สาขา และไทย 1 สาขา
กำลังโหลดความคิดเห็น