ไอ.ซี.ซี.ไม่หวั่นการเมืองไม่ลงตัว เดินหน้าลงทุนขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง หวังสร้างแบรนด์ชีนเน่เป็นรีจีนอลฮับในย่านเอเชียก่อน ล่าสุดเซ็นสัญญากับจีนและกัมพูชา พร้อมออกคอลเลคชั่นใหม่นำผ้ายีนส์มาประดับเครื่องสำอาง เอาใจวัยรุ่น ตั้งเป้ายอดขายชีนเน่ปีหน้าแตะ 1,000 ล้านบาท
นางจินตนา เฉลิมชัยกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องสำอางและน้ำหอม บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัญหาเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการเมืองในไทยที่ยังไม่มีความแน่นอนส่งผลกระทบต่อภาพรวมบริษัทฯบ้างแต่ไม่มาก ซึ่งหากมองมุมกลับกันจะเห็นได้ว่าคนจะมีการใช้จ่ายสินค้าอย่างประหยัด และจะหันมาใช้สินค้าของบริษัทฯมากขึ้น เพราะมีราคาไม่แพง ส่วนในด้านการลงทุนของบริษัทฯยังคงเดินหน้าต่อเนื่องไม่ได้ชะลอตัวแต่อย่างใด
ดังนั้นบริษัทฯจึงขยายความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยการรุกทำตลาดต่างประเทศมากขึ้น ประเดิมนำร่องที่เครื่องสำอางชีนเน่เป็นหัวหอกในการรุกตลาดก่อน โดยบริษัทฯตั้งเป้าต้องการสร้างแบรนด์เครื่องสำอางชีนเน่ไปสู่รีจีนอลแบรนด์ให้ได้ภายใน 3 ปีนี้ เริ่มต้นจากประเทศเพื่อนบ้านก่อน อาทิ ที่พม่า, ฟิลิปปินส์ เนื่องจากคนในประเทศเพื่อนบ้านจะให้การยอมรับเครื่องสำอางที่มาจากไทยมากกว่าประเทศอื่นๆ
“บริษัทฯจะใช้ชีนเน่เป็นหัวหอกในการทำตลาดเอเชียก่อน โดยจะจับกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก เนื่องจากกล้าทดลองสินค้าใหม่และมีกำลังซื้อสูง อีกทั้งราคาของชีนเน่ก็ไม่แพง จากนั้นมีแผนนำแบรนด์อื่นไปทำตลาด”
ล่าสุดเครื่องสำอางชีนเน่ได้ร่วมลงนามกับ 2 ประเทศในการนำเครื่องสำอางชีนเน่ไปทำตลาดที่ประเทศจีนและกัมพูชา ได้แก่ บริษัทเบอร์ลิงตัน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตัวแทนจำหน่ายจากประเทศจีน เขตการค้าเสรีฮ่องกงและเขตปกครองพิเศษมาเก๊า รวมถึงทำสัญญาแต่งตั้งระหว่างกลุ่มวีเอ โปรดักส์ จำกัด บริษัทในกลุ่มยูนิค กรุ๊ป ซึ่งมสำนักงานอยู่ในไทยและมีบริษัทเครือข่ายอยู่ในเขมร พม่า ฮ่องกง เวียดนาม เป็นต้น ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายชีนเน่ในกัมพูชา
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ของตลาดเครื่องสำอาง โดยการนำผ้ายีนส์มามาใช้ทำและตกแต่งแพคเกจจิ้งให้กับเครื่องสำอางของในเครือ อาทิ บีเอสซี ซึ่งระดับราคาสินค้าประมาณ 300-400 บาท เป็นต้น เนื่องจากต้องการหันมาเอาใจวัยรุ่นที่มีความเบื่อง่าย ส่วนเครื่องสำอางอาร์ทรีจะมีคอนเซ็ปต์โรแมนติก แอนด์ ร็อค ราคาประมาณ 400-600 บาท
สำหรับยอดรายได้ของชีนเน่ในต่างประเทศในปีที่ผ่านมีไม่เกิน 10% แต่จากการรุกทำตลาดเพิ่มมากขึ้นคาดว่ายอดรายได้จากมากขึ้น 15-20% จากยอดรายได้ของชีนเน่ปีนี้ที่บริษัทฯตั้งเป้าไว้ที่ 700 ล้านบาทหรือมีอัตราการเติบโต 30% ซึ่งยอดรายได้ในช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมาพบว่ามีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ และในปีหน้าคาดว่ายอดรายได้จะมีถึง 1,000 ล้านบาท
ในส่วนเครื่องสำอางแบรนด์อื่น อาทิ อาร์ทรีคาดว่าในปีนี้จะเติบโตขึ้น 30% และบีเอสซี เพียวแคร์เติบโตขึ้น 15%
นางจินตนา เฉลิมชัยกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องสำอางและน้ำหอม บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัญหาเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการเมืองในไทยที่ยังไม่มีความแน่นอนส่งผลกระทบต่อภาพรวมบริษัทฯบ้างแต่ไม่มาก ซึ่งหากมองมุมกลับกันจะเห็นได้ว่าคนจะมีการใช้จ่ายสินค้าอย่างประหยัด และจะหันมาใช้สินค้าของบริษัทฯมากขึ้น เพราะมีราคาไม่แพง ส่วนในด้านการลงทุนของบริษัทฯยังคงเดินหน้าต่อเนื่องไม่ได้ชะลอตัวแต่อย่างใด
ดังนั้นบริษัทฯจึงขยายความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยการรุกทำตลาดต่างประเทศมากขึ้น ประเดิมนำร่องที่เครื่องสำอางชีนเน่เป็นหัวหอกในการรุกตลาดก่อน โดยบริษัทฯตั้งเป้าต้องการสร้างแบรนด์เครื่องสำอางชีนเน่ไปสู่รีจีนอลแบรนด์ให้ได้ภายใน 3 ปีนี้ เริ่มต้นจากประเทศเพื่อนบ้านก่อน อาทิ ที่พม่า, ฟิลิปปินส์ เนื่องจากคนในประเทศเพื่อนบ้านจะให้การยอมรับเครื่องสำอางที่มาจากไทยมากกว่าประเทศอื่นๆ
“บริษัทฯจะใช้ชีนเน่เป็นหัวหอกในการทำตลาดเอเชียก่อน โดยจะจับกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก เนื่องจากกล้าทดลองสินค้าใหม่และมีกำลังซื้อสูง อีกทั้งราคาของชีนเน่ก็ไม่แพง จากนั้นมีแผนนำแบรนด์อื่นไปทำตลาด”
ล่าสุดเครื่องสำอางชีนเน่ได้ร่วมลงนามกับ 2 ประเทศในการนำเครื่องสำอางชีนเน่ไปทำตลาดที่ประเทศจีนและกัมพูชา ได้แก่ บริษัทเบอร์ลิงตัน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตัวแทนจำหน่ายจากประเทศจีน เขตการค้าเสรีฮ่องกงและเขตปกครองพิเศษมาเก๊า รวมถึงทำสัญญาแต่งตั้งระหว่างกลุ่มวีเอ โปรดักส์ จำกัด บริษัทในกลุ่มยูนิค กรุ๊ป ซึ่งมสำนักงานอยู่ในไทยและมีบริษัทเครือข่ายอยู่ในเขมร พม่า ฮ่องกง เวียดนาม เป็นต้น ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายชีนเน่ในกัมพูชา
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ของตลาดเครื่องสำอาง โดยการนำผ้ายีนส์มามาใช้ทำและตกแต่งแพคเกจจิ้งให้กับเครื่องสำอางของในเครือ อาทิ บีเอสซี ซึ่งระดับราคาสินค้าประมาณ 300-400 บาท เป็นต้น เนื่องจากต้องการหันมาเอาใจวัยรุ่นที่มีความเบื่อง่าย ส่วนเครื่องสำอางอาร์ทรีจะมีคอนเซ็ปต์โรแมนติก แอนด์ ร็อค ราคาประมาณ 400-600 บาท
สำหรับยอดรายได้ของชีนเน่ในต่างประเทศในปีที่ผ่านมีไม่เกิน 10% แต่จากการรุกทำตลาดเพิ่มมากขึ้นคาดว่ายอดรายได้จากมากขึ้น 15-20% จากยอดรายได้ของชีนเน่ปีนี้ที่บริษัทฯตั้งเป้าไว้ที่ 700 ล้านบาทหรือมีอัตราการเติบโต 30% ซึ่งยอดรายได้ในช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมาพบว่ามีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ และในปีหน้าคาดว่ายอดรายได้จะมีถึง 1,000 ล้านบาท
ในส่วนเครื่องสำอางแบรนด์อื่น อาทิ อาร์ทรีคาดว่าในปีนี้จะเติบโตขึ้น 30% และบีเอสซี เพียวแคร์เติบโตขึ้น 15%