ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินจากงานครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยเชิญชวนให้คนไทย 60 ล้านคน ร่วมถวายสัตย์ปฏิญาณในการทำความดีเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และฟุตบอลโลก น่าจะทำให้การใช้ไปรษณียบัตรปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 250 ล้านใบ จากช่วงเวลาปกติ หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด แจ้งว่าในโลกเศรษฐกิจยุคใหม่ การสื่อสารและโทรคมนาคมได้รับการพัฒนาทดแทนการสื่อสารรูปแบบเก่าให้มีปริมาณการใช้น้อยลงไปเรื่อยๆ การสื่อสารทางไปรษณีย์ อาจดูเป็นเรื่องเก่าล้าสมัยที่อาจไม่ได้รับความสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่กำลังให้ความสนใจกับเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตซึ่งให้ความสะดวกรวดเร็วในการสื่อสารยุคปัจจุบัน แต่ความต้องการใช้บริการสื่อสารไปรษณียบัตร กลับได้รับความสนใจอีกครั้งในช่วงเทศกาลพิเศษในปี 2549 นี้
ทั้งนี้ จากโครงการที่จัดตั้งขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยเชิญชวนให้คนไทย 60 ล้านคน ร่วมถวายสัตย์ปฏิญาณในการทำความดีเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังมีโครงการที่เชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันถวายพระพรด้วยการจำหน่ายไปรษณียบัตรพร้อมสายรัดข้อมือ (ริสต์แบนด์) ซึ่งทำให้ปริมาณความต้องการใช้ไปรษณียบัตรเพิ่มสูงขึ้นมากในปีนี้ รวมทั้งในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ยังมีเทศกาลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่จะช่วยกระตุ้นปริมาณการส่งไปรษณียบัตรทายผลการแข่งขันเพื่อชิงรางวัลที่หน่วยงานต่างๆ จัดกิจกรรมทายผลการแข่งขันผ่านทางไปรษณียบัตรที่มักจะจัดในทุกครั้งที่มีการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญที่จะมีแฟนฟุตบอลจำนวนมากที่ต้องการลุ้นรางวัลร่วมทายผลเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2545 มีจำนวนไปรษณียบัตรจำนวนกว่า 150 ล้านใบ ที่ส่งชิงโชค และสำหรับในปี 2549 นี้ คาดว่าจะมีจำนวนไปรษณียบัตรเพิ่มขึ้นเป็น 170 ล้านใบ หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15 โดยมีมูลค่าของรางวัลที่เพิ่มขึ้นเป็นแรงจูงใจในการส่งไปรษณียบัตรเพิ่มขึ้น และศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าในปี 2549 นี้ ปริมาณการส่งไปรษณียภัณฑ์ภายในประเทศน่าจะมีอัตราเพิ่มขึ้นสูงกว่าในช่วงปกติ โดยอาจสูงถึง 1,700 ล้านชิ้น เนื่องมาจากปัจจัยกระตุ้นทั้งจากปีมหามงคลฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการร่วมสนุกในเทศกาลฟุตบอลโลก โดยเฉพาะในส่วนของการใช้ไปรษณียบัตรในปี 2549 น่าจะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 250 ล้านใบ จากช่วงเวลาปกติ หรือหากคิดเป็นมูลค่าเพิ่มจากอัตราค่าไปรษณียากรสำหรับติดไปรษณียบัตร 2 บาทต่อใบแล้ว จะมีมูลค่าไปรษณียบัตรสูงถึง 500 ล้านบาท
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด แจ้งว่าในโลกเศรษฐกิจยุคใหม่ การสื่อสารและโทรคมนาคมได้รับการพัฒนาทดแทนการสื่อสารรูปแบบเก่าให้มีปริมาณการใช้น้อยลงไปเรื่อยๆ การสื่อสารทางไปรษณีย์ อาจดูเป็นเรื่องเก่าล้าสมัยที่อาจไม่ได้รับความสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่กำลังให้ความสนใจกับเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตซึ่งให้ความสะดวกรวดเร็วในการสื่อสารยุคปัจจุบัน แต่ความต้องการใช้บริการสื่อสารไปรษณียบัตร กลับได้รับความสนใจอีกครั้งในช่วงเทศกาลพิเศษในปี 2549 นี้
ทั้งนี้ จากโครงการที่จัดตั้งขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยเชิญชวนให้คนไทย 60 ล้านคน ร่วมถวายสัตย์ปฏิญาณในการทำความดีเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังมีโครงการที่เชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันถวายพระพรด้วยการจำหน่ายไปรษณียบัตรพร้อมสายรัดข้อมือ (ริสต์แบนด์) ซึ่งทำให้ปริมาณความต้องการใช้ไปรษณียบัตรเพิ่มสูงขึ้นมากในปีนี้ รวมทั้งในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ยังมีเทศกาลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่จะช่วยกระตุ้นปริมาณการส่งไปรษณียบัตรทายผลการแข่งขันเพื่อชิงรางวัลที่หน่วยงานต่างๆ จัดกิจกรรมทายผลการแข่งขันผ่านทางไปรษณียบัตรที่มักจะจัดในทุกครั้งที่มีการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญที่จะมีแฟนฟุตบอลจำนวนมากที่ต้องการลุ้นรางวัลร่วมทายผลเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2545 มีจำนวนไปรษณียบัตรจำนวนกว่า 150 ล้านใบ ที่ส่งชิงโชค และสำหรับในปี 2549 นี้ คาดว่าจะมีจำนวนไปรษณียบัตรเพิ่มขึ้นเป็น 170 ล้านใบ หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15 โดยมีมูลค่าของรางวัลที่เพิ่มขึ้นเป็นแรงจูงใจในการส่งไปรษณียบัตรเพิ่มขึ้น และศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าในปี 2549 นี้ ปริมาณการส่งไปรษณียภัณฑ์ภายในประเทศน่าจะมีอัตราเพิ่มขึ้นสูงกว่าในช่วงปกติ โดยอาจสูงถึง 1,700 ล้านชิ้น เนื่องมาจากปัจจัยกระตุ้นทั้งจากปีมหามงคลฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการร่วมสนุกในเทศกาลฟุตบอลโลก โดยเฉพาะในส่วนของการใช้ไปรษณียบัตรในปี 2549 น่าจะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 250 ล้านใบ จากช่วงเวลาปกติ หรือหากคิดเป็นมูลค่าเพิ่มจากอัตราค่าไปรษณียากรสำหรับติดไปรษณียบัตร 2 บาทต่อใบแล้ว จะมีมูลค่าไปรษณียบัตรสูงถึง 500 ล้านบาท