“นมแพะศิริชัย” เปิดแผนรุก เตรียมลุยตลาดต่างประเทศตั้งพันธมิตรท้องถิ่นเป็นดิสทริบิวเตอร์ คาด อินเดีย จะเป็นตลาดนำร่องเตรียมเซ็นสัญญาเร็วๆนี้ ด้านตลาดในไทย ขยายไลน์สินค้าเพิ่มขึ้นหวังสร้างฐานตลาดและรายได้สู่ 600 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีเพียง 120 ล้านบาท ส่งนมแพะยูเอชทีบรรจุกล่องลงตลาด พร้อมกลุ่มสกินแคร์ที่มี โฟมล้างหน้าและครีมอาบน้ำ อัดงบตลาด 80 ล้านบาท ลุยเต็มสูบ
แหล่งข่าวจาก บริษัท มาบุญครอง แดรี่ โกทส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย นมแพะศิริชัย เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ของนมแพะศิริชัย จะทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น โดยจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และการขยายตลาดต่างประเทศ หลังจากที่ได้ทำตลาดในไทยมาประมาณปีเศษและประสบความสำเร็จน่าพอใจ
ล่าสุดบริษัทฯได้ตั้งทีมงานฝ่ายต่างประเทศขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบในการขยายตลาดต่างประเทศ โดยรูปแบบจะเป็นการแต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์แต่ละรายในแต่ละประเทศเพื่อรับผิดชอบในการทำตลาดและจัดจำหน่ายนมแพะศิริชัย ซึ่งขณะนี้มีการเจรจากับผู้สนใจในหลายประเทศแล้วเช่น อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และประเทศในตะวันออกกลางเช่น ซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น ซึ่งในเร็วๆนี้เตรียมที่จะเซ็นสัญญากับทางคู่ค้าในประเทศอินเดีย
สำหรับแผนการรุกตลาดในประเทศนั้น จะมีการขยายไลน์สินค้าและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเป็นการขยายตลาดและกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งสร้างโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่มีเพียงตัวหลักคือ นมแพะพาสเจอร์ไรซ์ เท่านั้น
ล่าสุดได้ขยายไลน์สู่ นมแพะยูเอชที บรรจุกล่อง ขนาด 190 ซีซี ทรงสลิม มี 4 รสชาติคือ น้ำผึ้ง ชอคโกแลต หวาน และจืด ราคา 20 บาทต่อกล่อง ซึ่งได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วในหลายเชนค้าปลีกเช่น ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต ฟู้ดแลนด์ เดอะมอลล์ วิลล่ามาร์เก็ต เป็นต้น ส่วนเทสโก้โลตัสจะเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 8 มิถุนายนนี้ ส่วนเซเว่นอีเลฟเว่น บิ๊กซี คาดว่าจะทยอยจำหน่ายเร็วนี้ๆ ขณะที่ของเดิมคือพาสเจอร์ไรซ์มีขนาดขวด 90 และ 190 ซีซี มีกำลังการผลิต 6 ตันต่อวันโดยบริษัทฯผลิตเอง
นอกจากนั้นยังมีกลุ่มสินค้าสกินแคร์ที่วางตลาดใหม่ในเดือนนี้แต่ยังไม่ได้เปิดตัวเป็นทางการคือ ครีมอาบน้ำสูตรน้ำนมแพะเข้มข้น ขนาด 500 ซีซี ราคา 100 กว่าบาท และโฟมล้างหน้า 3 สูตรคือ สูตรสำหรับหน้ามัน หน้าธรรมดา และไวท์เทนนิ่ง ขนาด 100 ซีซี ราคา 120 บาท ซึ่งได้วางจำหน่ายแล้วเช่นกันเช่น ท็อปส์ ฟู้ดแลนด์ วัตสัน บู้ทส์ เป็นต้น จากเดมที่กลุ่มสกินแคร์จะมี สบู่นมแพะวางจำหน่ายแล้ว
ด้านการจัดจำหน่ายในส่วนของช่องทางโมเดิร์นเทรด บริษัทฯจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง ส่วนช่องทางเทรดดิชันแนลเทรดจะมอบหมายให้เอเย่นต์รับผิดชอบซึ่งมีมากกว่า 100 รายในเวลานี้
“การทำนมยูเอชทีทำให้ฐานตลาดเรากว้างมากขึ้น จากเดิมที่มีแต่ พาสเจอร์ไรซ์ซึ่งอายุของสินค้าก็จะสั้น และมีข้อจำกัดมากกว่า ยูเอชที ซึ่งการเพิ่มสินค้าครั้งนี้เราไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เพราะในช่วงแรกนี้เราจ้างบริษัทอื่นทำการผลิตให้มีกำลังผลิตประมาณ 6 ตันต่อวัน หรือประมาณ 30,000 กว่ากล่องต่อวัน แต่ถ้าในอนาคตยอดขายเพิ่มขึ้นมากก็มีแผนที่จะตั้งโรงงานผลิตเอง คาดว่าคงต้องใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท” แหล่งข่าวกล่าว
ด้านงบประมาณกิจกรรมการตลาด โฆษณาประชาสัมพันธ์ ปีนี้ตั้งไว้สูงถึง 80 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่ใช้เพียง 10-20 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งจะใช้ในส่วนของโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ 40 ล้านบาท โดยจะเริ่มยิงสปอตโฆษณาถึงสินค้าใหม่ทางทีวีในวันที่ 24 มิถุนายนศกนี้
จากการขยายธุรกิจในครั้งนี้ ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดขายรวมทั้งหมดเฉพาะในประเทศ ประมาณ 500-600 ล้านบาท จากเดิมปีที่แล้วที่มีเพียง 120 กว่าล้านบาทเท่านั้น โดยแบ่งเป็น รายได้ในกลุ่มของนมแพะยูเอชทีประมาณ 350 ล้านบาท และนมแพะพาสเจอร์ไรซ์ ประมาณ 150 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มสกินแคร์นั้นคาดว่าจะมีรายได้ 40 ล้านบาท ส่วนรายได้ในต่างประเทศคาดว่าจะเริ่มเห็นจริงจังได้ในปีหน้า