สก๊อตฯ สบช่องทางกระแสคนรักสุขภาพมาแรง ประเดิมเปิดศึกตลาดเครื่องดื่มคอลลาเจน ชูหัวหอก "สก๊อต คอลลาเจน - อี" เอาใจสาววัยทำงาน เผยอนาคตเตรียมพุ่งเป้าเจาะกลุ่มหนุ่มเจ้าสำอางต่อใน 2 ปี เบื้องต้นหว่านเม็ดเงินกว่า 20 ล้านบาท เชื่อปัจจัยทางเศรษฐกิจยังไม่ส่งผลกระทบต่อตลาด เหตุเป็นตลาดจับกลุ่มไฮเอนด์ ส่วนทางด้านต้นทุนยังแบกรับได้อยู่ มั่นใจสิ้นปีโกยรายได้รวมกว่า1,300 ล้านบาท
นายสมโภช ชวาลเวชกุล กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ สก๊อต เปิดเผยว่า จากกระแสการตื่นตัวในเรื่องของสุขภาพที่กำลังมาแรงนั้น พบว่านอกจากผู้บริโภคจะหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพแล้ว
ดังนั้นทางบริษัทฯจึงได้มีการพัฒนาสินค้าที่นำเอาคอลลาเจนมาเป็นส่วนผสมหลัก เพื่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงรักสวยรักงามโดยเฉพาะ ซึ่งถือได้ว่าสก๊อตฯ เป็นเจ้าแรกที่เปิดตลาดเครื่องดื่มคอลลาเจนนี้ ภายใต้ผลิตภัณฑ์ใหม่ชื่อ "สก๊อต คอลลาเจน - อี" เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับบีบวกขึ้นไปที่เป็นผู้หญิงอายุตั้งแต่ 25-35 ปี ซึ่งหากได้รับการตอบรับที่ดี บริษัทฯมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มชายหนุ่มที่รักสุขภาพความงามอีกด้วย
ทั้งนี้ในช่วงแรกของการทำการตลาดให้กับสก๊อต คอลลาเจน - อี นั้น เบื้องต้น บริษัทฯได้จัดงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท สำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆทั้งบีโลว์ เดอะไลน์ และ อะโบฟ เดอะ ไลน์ แบบครบวงจร ในระยะ 3 เดือนแรก ของการวางจำหน่ายทั้งในโมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อทั่วไป ในขนาดบรรจุ 45 ซีซี. ราคาขวดละ 58 บาท ซึ่งหากได้รับการตอบรับได้ บริษัทฯจะมีการเพิ่มงบการตลาดอีก โดยทั้งปีตั้งเป้างบการทำตลาดไว้ที่ 50 ล้านบาท มั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 100 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 5% จากรายได้รวมของบริษัทฯ
"คอลลาเจน-อี ถือเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทางบริษัทฯลงทุนเพิ่ม โดยในส่วนของวัตถุดิบต่างๆนั้น จะเป็นการนำเข้าทั้งหมด ทั้งคอลลาเจน ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงวิตามินต่างๆก็เป็นการนำเข้าทั้งหมด แต่สำหรับไลน์การผลิตนั้นยังเป็นใช้ฐานการผลิตเดิม และบรรจุภัณฑ์ลักษณะเดิม ที่ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์สก๊อตใช้อยู่"
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯมีแผนในการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ถึง 2 ผลิตภัณฑ์ โดยอีก 1 ผลิตภัณฑ์ที่เหลือนั้น คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ช่วงปลายปี แต่อาจจะติดขัดอยู่บ้างในขั้นตอนขอขึ้นทะเบียนสินค้ากับทาง อย. ดังนั้นอาจจะส่งผลให้ต้องเลื่อนการเปิดตัวออกไปในช่วงต้นปีหน้า เช่นเดียวกับการเปิดตัวของ สก๊อต คอลลาเจน-อี ที่เลื่อนการเปิดตัวในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา มาเปิดตัวในเดือนนี้แทน
นายสมโภช กล่าวอีกว่า สำหรับการปรับขึ้นราคาสินค้านั้น ขณะนี้ทางบริษัทฯยังไม่มีนโยบายการขึ้นราคาสินค้า ถึงแม้ว่าต้นทุนจะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม เนื่องจากมองว่า สินค้าต่างๆได้พากันปรับตัวขึ้นกันไปมากแล้ว การที่ทางสก๊อตจะปรับขึ้นอีก อาจจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคจนเกินไป แต่อย่างไรก็ตามหากราคานำมันยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ทางบริษัทฯจะมีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะต้องมีการปรับราคาอย่างไร ส่วนทางต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น บริษัทฯได้มีการปรับแผนการทำงานใหม่เพิ่มลดต้นทุนดังกล่าว เช่น ฝ่ายโปรดักส์ชั่นจะมีการจัดสรรเวลาในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงฝ่ายมาร์เก็ตติ้ง ที่จะต้องมีการทำตลาดให้ตรงจุดและตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
สำหรับรายได้ในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมไว้กว่า 1,300 ล้านบาท ในขณะที่ คอลลาเจน-อี จะมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 5% คิดเป็น 100 ล้านบาท จากเดิมในปีที่ผ่านมา บริษัทฯปิดยอดรายได้ที่ 1,025 ล้านบาท มาจาก รังนก 60% ซุปไก่ 40% ในขณะที่รังนกสก๊อตมีแชร์เป็นอันดับหนึ่งในตลาดรังนกอยู่ที่ 60% ส่วนซุปไก่สกัดมีแชร์ในตลาดซุปไก่สกัดเป็นอันดับรอง ด้วยแชร์ 30% ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าผลิตภัณฑ์รังนกจะมีการเติบโตขึ้น 15% และซุปไก่สกัด 10% ในปีนี้