xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐกิจพ่นพิษแอร์ฟูจิตสึ ปรับเกมมุ่งตปท.-ลุยไฟท์ติ้งโมเดลสู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฟูจิตสึฯ ชี้ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ส่อเค้ากระทบต่อรายได้ในประเทศหดลง พุ่งเป้าจับตลาดต่างประเทศเพิ่มกำลังผลิตเป็น 3 ล้านยูนิตในปีนี้ จากเดิมที่ส่งออกเพียง 2.5 ล้านยูนิตต่อปี เผยตลาดแอร์ในประเทศโดยเฉพาะกลุ่มโปรเจกต์ลดลง 5% ส่วนกลุ่มโฮมยูสเปิดศึกแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก ล่าสุดเตรียมเพิ่มไฟท์ติ้งโมเดลเป็น 80% ลงแข่งขัน ชูนวัตกรรม VRF สิ้นปีมีแชร์ 5 % จากจำนวนแอร์บ้านกว่า 6 แสนยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาทในปีนี้

นายฮิซาจิ เอบิซาวา
ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ฟูจิตสึ เจเนอรัล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ ภายใต้แบรนด์ ฟูจิตสึ เปิดเผยว่า ดูจากสภาวะตลาดแอร์ในประเทศไทยแล้ว มองว่าการเมืองไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อตลาด แต่จะเป็นเรื่องของปัญหาทางเศรษฐกิจมากกว่า ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทฯจะยังคงเน้นการส่งออกเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนกว่า 99% และจำหน่ายในประเทศเพียง 1 % หรือคิดเป็น 50,000 ยูนิตเท่านั้น

“การส่งออกไปยังต่างประเทศนั้น จากเดิมในปี 2548 บริษัทฯมีออเดอร์เข้ามาอยู่ที่ 2.5 ล้านยูนิต แต่ในปีนี้มีความต้องการเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านยูนิต โดยในส่วนที่เพิ่มขึ้นอีก 5 แสนยูนิตนั้น จะมาจากฐานความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศทางยุโรป ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย เป็นหลัก ภายใต้แบรนด์ฟูจิตซึ สำหรับประเทศในแถบยุโรป และแบรนด์เจเนอรัล สำหรับกลุ่มประเทศในแถบตะวันออกกลาง”

ปัจจุบันบริษัทฯมีโรงงานการผลิตเครื่องปรับในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่แหลมฉบัง 2 โรง สำหรับผลิต มอเตอร์ 1 โรง และส่วนประกอบต่างๆอีก 1 โรง รองรับการส่งออกกว่า 22 ประเทศทั่วโลก ในขณะที่ประเทศที่มีออเดอร์มากที่สุดคือ ออสเตรเลีย กรีซ สเปน และ อิตาลี ตามลำดับ ส่วนในเซาส์อีสเอเชียนั้น ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม

ด้านนายอดิศักดิ์ เธียไพรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ บริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด ผู้ดูแลทางด้านการตลาดให้แก่บริษัท ฟูจิตสึ เจเนอรัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดแอร์บ้านในปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มเป็น 6 แสนยูนิต จากเดิมในปี 2548 อยู่ที่ 5.8 แสนยูนิต

แต่อย่างไรก็ตามมองว่าจะมีการเติบโตที่ลดลง โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มโปรเจกต์ เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ที่ส่งผลให้ โครงการบ้านจัดสรรต่างๆ ลดลง นั้นเอง อีกทั้งช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทฯมีการเติบโตกว่า 25% แต่พอเข้าสู่ไตรมาสที่สองกลับมีการเติบโตชะลอลง โดยเฉพาะในกลุ่มโปรเจกต์ลดลงอีก 5 % จากเดิมที่บริษัทฯตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มโปรเจกต์ 30 % และโฮมยูส 70 %

ในขณะที่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์แอร์ฟูจิตสึจะมีฐานลูกค้าตลาดตั้งแต่ระดับบีบวกขึ้นไป และมีตัวแทนจำหน่ายกว่า 150 รายร่วมกับบริษัทฯในการรุกตลาดโปรเจกต์ จากจำนวนตัวแทนจำหน่ายทั้งหมดกว่า 250 รายทั่วประเทศ ทั้งนี้ตลาดในกลุ่มโปรเจกต์ในปีนี้ คาดว่าทั้งปีบริษัทฯจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 60-70 โครงการ เพิ่มจากปี 2548 ประมาณ 20 โครงการ ในขณะที่ทางด้านรายได้กลับลดลง เนื่องจากแต่ละโครงการไม่ใช่โครงการที่ใหญ่เท่าที่ควร

ล่าสุดบริษัทฯได้จับมือกับทาง โครงการ ไอที คอมเพล็ค เกาะสมุย 2 ในการนำเครื่องปรับอากาศภายใต้แบรนด์ ฟูจิตสึ ขนาด 600ตันความเย็น หรือ 7,200,000 บีทียู ไปติดตั้ง มูลค่ารายได้กว่า 30 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการโรงแรมที่เชียงใหม่ โครงการบ้านจัดสรรต่างๆอีก อาทิเช่น โครงการบ้านนุศาสิริ แฮปปี้แลนด์ และแกรนด์วิว เป็นต้น

ส่วนตลาดโฮมยูสในปีนี้คาดว่า จะมีการแข่งขันทางด้านราคามากขึ้น เนื่องจากมองว่านอกจากปัจจัยทางเศรษฐกิจจะเป็นสาเหตุหลักแล้ว เกี่ยวกับฝนที่ปีนี้มาเร็วและตกหนักมาก ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายหดลง

แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้จัดเตรียมงบการตลาดไว้กว่า 35-40 ล้านบาท สำหรับการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ รวมไปถึงการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการตลาดช่วงปลายปี ในส่วนของช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น พาวเวอร์บาย และโฮมเวิร์ค ด้วย

นอกจากนี้บริษัทฯยังได้วางแผนการเกี่ยวกับการชูไฟท์ติ้งโมเดลจากเดิม 70 % เพิ่มเป็น 75-80 % ในปีนี้ สำหรับการแข่งขันในตลาด โดยเฉพาะการนำเอาเทคโนโลยี VRF (Variable Refrigerant Flow Technology) ที่ช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และมีระบบควบคุมที่ทันสมัย มาเป็นจุดขายในปีนี้อีกด้วย มั่นใจว่าสิ้นปี แอร์ฟูจิตสึจะมีแชร์ในตลาดได้ 5 % จากจำนวนแอร์บ้านกว่า 6 แสนยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาทได้ในปีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น