ผู้บริหารสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเสนอ 2 ทางออกสำหรับการแก้ปัญหาการเมือง หลังการเลือกตั้ง โดยให้เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและตั้งรัฐบาลได้ หรือขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน มองภาคการส่งออกยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง และยังจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่อง แต่ยอมรับการบริโภคในประเทศลดลงแน่
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองเมื่อผ่านพ้นการเลือกตั้ง โดยส่วนตัวเห็นว่าน่าจะมีทางออกอยู่ 2 ทาง คือ หลังการเลือกตั้งภายใน 30 วัน จะต้องเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่คำถามอยู่ที่ว่า กกต. จะมีการพิจารณา รวมถึงจะมีการเปิดประชุมสภาฯ ได้หรือไม่ เนื่องจาก ส.ส.ไม่ครบ 500 คน ซึ่งถือว่าผิดหลักรัฐธรรมนูญ แต่เวลานี้ก็ต้องดูว่าสมควรที่จะให้มีการเปิดสภาฯ เพื่อให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ และไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตรงกับทุกฝ่ายที่ต้องการเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราต่างๆ
นายพรศิลป์ กล่าวว่า ส่วนทางออกที่ 2 เมื่อไม่สามารถเปิดประชุมสภาฯ ได้ ต้องมีการใช้มาตรา 7 ไม่ว่าจะเป็นการขอพระราชทานรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะมีนายกรัฐมนตรีรักษาการเป็นการชั่วคราวไปก่อน 5-6 เดือน ให้สามารถมีทางออกกับการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เศรษฐกิจของประเทศในช่วงการเมืองเป็นสุญญากาศเกิดความเสียหายไปบ้างแล้ว แต่หากจะล่าช้าไปอีก 5-6 เดือน เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ ซึ่งขณะนี้เศรษฐกิจโดยรวมเกิดการชะงักงัน เมื่อมีรัฐบาลใหม่นโยบายก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อให้การค้าขายเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศ ภาคเอกชนยังเชื่อว่าในด้านภาคการส่งออกของไทยยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และเชื่อว่าภาคการส่งออกยังสามารถเป็นพระเอกที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่เห็นว่าน่าจะกระทบคือ การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะเกิดปัญหาการชะลอตัวและกระทบการผลิตสินค้าในประเทศ แต่ยังเชื่อมั่นว่าจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อโดยกระทบต่อภาคธุรกิจบางส่วนและธุรกิจบางส่วนไม่ได้รับผลกระทบ จะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 เนื่องจากต้นทุนการผลิต เช่น อัตราดอกเบี้ย และสถานการณ์ราคาน้ำมันยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปียังสูงอยู่
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองเมื่อผ่านพ้นการเลือกตั้ง โดยส่วนตัวเห็นว่าน่าจะมีทางออกอยู่ 2 ทาง คือ หลังการเลือกตั้งภายใน 30 วัน จะต้องเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่คำถามอยู่ที่ว่า กกต. จะมีการพิจารณา รวมถึงจะมีการเปิดประชุมสภาฯ ได้หรือไม่ เนื่องจาก ส.ส.ไม่ครบ 500 คน ซึ่งถือว่าผิดหลักรัฐธรรมนูญ แต่เวลานี้ก็ต้องดูว่าสมควรที่จะให้มีการเปิดสภาฯ เพื่อให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ และไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตรงกับทุกฝ่ายที่ต้องการเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราต่างๆ
นายพรศิลป์ กล่าวว่า ส่วนทางออกที่ 2 เมื่อไม่สามารถเปิดประชุมสภาฯ ได้ ต้องมีการใช้มาตรา 7 ไม่ว่าจะเป็นการขอพระราชทานรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะมีนายกรัฐมนตรีรักษาการเป็นการชั่วคราวไปก่อน 5-6 เดือน ให้สามารถมีทางออกกับการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เศรษฐกิจของประเทศในช่วงการเมืองเป็นสุญญากาศเกิดความเสียหายไปบ้างแล้ว แต่หากจะล่าช้าไปอีก 5-6 เดือน เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ ซึ่งขณะนี้เศรษฐกิจโดยรวมเกิดการชะงักงัน เมื่อมีรัฐบาลใหม่นโยบายก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อให้การค้าขายเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศ ภาคเอกชนยังเชื่อว่าในด้านภาคการส่งออกของไทยยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และเชื่อว่าภาคการส่งออกยังสามารถเป็นพระเอกที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่เห็นว่าน่าจะกระทบคือ การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะเกิดปัญหาการชะลอตัวและกระทบการผลิตสินค้าในประเทศ แต่ยังเชื่อมั่นว่าจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อโดยกระทบต่อภาคธุรกิจบางส่วนและธุรกิจบางส่วนไม่ได้รับผลกระทบ จะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 เนื่องจากต้นทุนการผลิต เช่น อัตราดอกเบี้ย และสถานการณ์ราคาน้ำมันยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปียังสูงอยู่