เซ็นทรัลฟู้ดรีเทลรีแบรนด์ดิ้งกลุ่มท็อปส์ซูเปอร์มาร์เกตครั้งใหญ่ ทุ่มงบ 750 ล้านบาท ล้างไพ่ใหม่ ชู 4 แบรนด์ “เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์-ท็อปส์มาร์เกต-ท็อปส์ซูเปอร์-ท็อปส์เดลี่” เผยท็อปส์เดลี่คือ อาวุธใหม่หวังเจาะเข้าชุมชน ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ปีนี้รวม 30 สาขา พร้อมลุยปรับสาขาเก่าเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ สู่เป้าหมาย รายได้ 30,000 ล้านบาทในปี 2553
นายเอียน ไพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือซีอาร์ซี เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯจะทำการรีแบรนด์ดิ้งท็อปส์ใหม่ทั้งหมด รวมทั้งจะทำการเปิดธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ ท็อปส์ เดลี่ด้วย โดยใช้งบประมาณกว่า 750 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2553 จะสร้างยอดรายได้รวมทั้งหมดกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปัจจุบัน
ผลประกอบการปีที่แล้วมีกำไร 500 ล้านบาท หลังจากที่ขาดทุนมาในช่วงปีก่อนหน้านี้ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตด้านรายได้ 15-20% โดยปีที่แล้วประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน เนื่องจากมีการเปิดสาขาใหม่กว่า 15 แห่ง มีการมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งของทีมงานเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ 12% สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน 6% มีการนำเข้าสินค้าใหม่จากต่างประเทศมาบริการกว่า 3,000 รายการ ซึ่งส่งผลให้ยอดขายสูงขึ้น 24% เมื่อเทียบกับยอดขายปี 2547 ที่เพิ่มเพียง 14%
ทั้งนี้ปีที่แล้วบริษัทฯได้เริ่มเปิดตัวเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ไปแล้วสาขาแรก ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ และในปีนี้จะทำการเปลี่ยนชื่อเดิมจากที่มีอยู่ 3 แบรนด์คือ มาร์เกตเพลส และซิตี้มาร์เกต ซึ่งมีอยู่ 13 สาขาเป็นชื่อใหม่คือ ท็อปส์มาร์เกต ส่วนแบรนด์ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เกต ที่มีอยู่ 75 สาขาจะเปลี่ยนเป็นชื่อ ท็อปส์ มาร์เกต รวมทั้งการเปิดเซ็กเม้นท์ใหม่คือ ท็อปส์เดลี่
โดยบริษัทฯทำการศึกษามานาน 18 เดือน ท็อปส์เดลี่ จะเป็นคอนวีเนียนซูเปอร์มาร์เกต พื้นที่เฉลี่ย 300 ตารางเมตร ลงทุนเฉลี่ย 3-7 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับทำเล ซึ่งเปิดกว้างในการหาทำเลทั้งสแตนด์อโลน ในอาคาร ตามย่านชุมชนทั่วไป เน้นอาหารสดเป็นหลัก ตั้งเป้าเปิดสาขาในปีนี้ 5 แห่ง และปีหน้าตั้งเป้าเปิดอีก 15 แห่งโดยสาขาแรกเปิดที่ห้างกู้ดลักที่จังหวัดอ่างทอง
นอกจากท็อปส์เดลี่แล้วจะมีการเปิดสาขาใหม่ในส่วนอีก 3 แบรนด์รวม 15 สาขาในปีนี้ ซึ่งล่าสุดได้เปิดสาขาที่ยูเนียนมอลล์ชื่อว่า ท็อส์ซูเปอร์ และเตรียมเปิดสาขาใหม่ชื่อ ท็อปส์มาร์เกตที่ซอยนานาในวันที่ 29 มีนาคมนี้ ส่วนคอนเซ็ปต์ฟู้ดฮอลล์นั้น หลังจากที่ทุ่มงบประมาณจำนวนหนึ่งในการปรับปรุงมาร์เกตเพลสที่เซ็นทรัลชิดลมเป็นเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ไปแล้ว ทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้มากรวมกว่า 40,000 คนต่อสัปดาห์ หรือเพิ่มขึ้น 20% และสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 25% ดังนั้นในปีนี้ได้ทุ่มงบอีก 350 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในงบประมาณรวม 750 ล้านบาทแล้ว เพื่อพัฒนาเซ็นทรัลเวิลด์ฟู้ดฮอลล์ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ด้วยพื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร ใหญ่กว่าสองเท่าที่ชิดลม และเตรียมเปิดบริการในเดือนสิงหาคมนี้
ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะปรับปรุงสาขาเก่าที่ยังเป็นแบรนด์เก่าให้เป็นตามคอนเซ็ปต์ใหม่นี้ด้วย จะทยอยทำไป เนื่องจากมีหลายสาขา โดยคาดว่าในส่วนของมาร์เกตเพลสและซิตี้มาร์เกตจะเป็นท็อปส์มาร์เกตประมาณ 25 สาขาภายใน 2 ปีนี้ ส่วนท็อปส์ซูเปอร์มาร์เกตเดิมจะเปลี่ยนเป็น ท็อปส์มาร์เกตได้หมด 75 สาขาภายในเวลา 3 ปีนับจากนี้ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะสามารถปรับเปลี่ยนได้ทุกแบบโดยรวมประมาณ 15 สาขา
สำหรับความแตกต่างของแต่ละแบรนด์นั้นคือ เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์จะมีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ เป็นฟู้ดเอนเตอร์เทนเม้นท์ เน้นความหลากหลายของอาหารและเน้นสินค้านำเข้า จับกลุ่มระดับซูเปอร์พรีเมียม ส่วนท็อปส์มาร์เกต จะเน้นกลุ่มรายได้สูง เป็นคนโสด หรือแต่งงานแล้วมีลูกโตแล้ว สินค้าที่ขายดีในกลุ่มฟู้ดฮอลล์ก็จะนำมาขายด้วย มีสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ และมีสินค้าไวน์นำเข้าด้วย เป็นต้น ส่วนท็อปส์ซูเปอร์ จับกลุ่มชนชั้นกลาง เน้นคนไทยมากกว่า สนใจเรื่องมูลค่าการใช้จ่ายเงิน ชอปปิ้งได้ตลอดเวลา และท็อปส์เดลี่ จะเน้นอาหารสด ขนาดพื้นที่เล็กเหมาะต่อการเปิดย่านชุมชน และจะเปิดบริการ 24 ชั่วโมงหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละทำเลและความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ทั้งนี้มูลค่าตลาดค้าปลีกโดยรวมในไทยจากเอซีนีลเส็นระบุว่า ในปี 2548 เท่ากับ 380,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โมเดิร์นเทรด 45% และเทรดดิชันแนลเทรด 55% ซึ่งท็อปส์มีแชร์อยู่ประมาณ 10.2% ในกลุ่มของโมเดิร์นเทรด เพิ่มจากปี ก่อนหน้าที่มี 8% ซึ่งท็อปส์ยังอ้างด้วยว่า เป็นซูเปอร์มาร์เกตที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในโลก และมีลูกค้าเข้าใช้บริการรวมกว่า 1.2 ล้านคนต่อสัปดาห์
นายเอียน ไพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือซีอาร์ซี เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯจะทำการรีแบรนด์ดิ้งท็อปส์ใหม่ทั้งหมด รวมทั้งจะทำการเปิดธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ ท็อปส์ เดลี่ด้วย โดยใช้งบประมาณกว่า 750 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2553 จะสร้างยอดรายได้รวมทั้งหมดกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปัจจุบัน
ผลประกอบการปีที่แล้วมีกำไร 500 ล้านบาท หลังจากที่ขาดทุนมาในช่วงปีก่อนหน้านี้ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตด้านรายได้ 15-20% โดยปีที่แล้วประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน เนื่องจากมีการเปิดสาขาใหม่กว่า 15 แห่ง มีการมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งของทีมงานเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ 12% สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน 6% มีการนำเข้าสินค้าใหม่จากต่างประเทศมาบริการกว่า 3,000 รายการ ซึ่งส่งผลให้ยอดขายสูงขึ้น 24% เมื่อเทียบกับยอดขายปี 2547 ที่เพิ่มเพียง 14%
ทั้งนี้ปีที่แล้วบริษัทฯได้เริ่มเปิดตัวเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ไปแล้วสาขาแรก ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ และในปีนี้จะทำการเปลี่ยนชื่อเดิมจากที่มีอยู่ 3 แบรนด์คือ มาร์เกตเพลส และซิตี้มาร์เกต ซึ่งมีอยู่ 13 สาขาเป็นชื่อใหม่คือ ท็อปส์มาร์เกต ส่วนแบรนด์ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เกต ที่มีอยู่ 75 สาขาจะเปลี่ยนเป็นชื่อ ท็อปส์ มาร์เกต รวมทั้งการเปิดเซ็กเม้นท์ใหม่คือ ท็อปส์เดลี่
โดยบริษัทฯทำการศึกษามานาน 18 เดือน ท็อปส์เดลี่ จะเป็นคอนวีเนียนซูเปอร์มาร์เกต พื้นที่เฉลี่ย 300 ตารางเมตร ลงทุนเฉลี่ย 3-7 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับทำเล ซึ่งเปิดกว้างในการหาทำเลทั้งสแตนด์อโลน ในอาคาร ตามย่านชุมชนทั่วไป เน้นอาหารสดเป็นหลัก ตั้งเป้าเปิดสาขาในปีนี้ 5 แห่ง และปีหน้าตั้งเป้าเปิดอีก 15 แห่งโดยสาขาแรกเปิดที่ห้างกู้ดลักที่จังหวัดอ่างทอง
นอกจากท็อปส์เดลี่แล้วจะมีการเปิดสาขาใหม่ในส่วนอีก 3 แบรนด์รวม 15 สาขาในปีนี้ ซึ่งล่าสุดได้เปิดสาขาที่ยูเนียนมอลล์ชื่อว่า ท็อส์ซูเปอร์ และเตรียมเปิดสาขาใหม่ชื่อ ท็อปส์มาร์เกตที่ซอยนานาในวันที่ 29 มีนาคมนี้ ส่วนคอนเซ็ปต์ฟู้ดฮอลล์นั้น หลังจากที่ทุ่มงบประมาณจำนวนหนึ่งในการปรับปรุงมาร์เกตเพลสที่เซ็นทรัลชิดลมเป็นเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ไปแล้ว ทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้มากรวมกว่า 40,000 คนต่อสัปดาห์ หรือเพิ่มขึ้น 20% และสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 25% ดังนั้นในปีนี้ได้ทุ่มงบอีก 350 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในงบประมาณรวม 750 ล้านบาทแล้ว เพื่อพัฒนาเซ็นทรัลเวิลด์ฟู้ดฮอลล์ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ด้วยพื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร ใหญ่กว่าสองเท่าที่ชิดลม และเตรียมเปิดบริการในเดือนสิงหาคมนี้
ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะปรับปรุงสาขาเก่าที่ยังเป็นแบรนด์เก่าให้เป็นตามคอนเซ็ปต์ใหม่นี้ด้วย จะทยอยทำไป เนื่องจากมีหลายสาขา โดยคาดว่าในส่วนของมาร์เกตเพลสและซิตี้มาร์เกตจะเป็นท็อปส์มาร์เกตประมาณ 25 สาขาภายใน 2 ปีนี้ ส่วนท็อปส์ซูเปอร์มาร์เกตเดิมจะเปลี่ยนเป็น ท็อปส์มาร์เกตได้หมด 75 สาขาภายในเวลา 3 ปีนับจากนี้ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะสามารถปรับเปลี่ยนได้ทุกแบบโดยรวมประมาณ 15 สาขา
สำหรับความแตกต่างของแต่ละแบรนด์นั้นคือ เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์จะมีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ เป็นฟู้ดเอนเตอร์เทนเม้นท์ เน้นความหลากหลายของอาหารและเน้นสินค้านำเข้า จับกลุ่มระดับซูเปอร์พรีเมียม ส่วนท็อปส์มาร์เกต จะเน้นกลุ่มรายได้สูง เป็นคนโสด หรือแต่งงานแล้วมีลูกโตแล้ว สินค้าที่ขายดีในกลุ่มฟู้ดฮอลล์ก็จะนำมาขายด้วย มีสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ และมีสินค้าไวน์นำเข้าด้วย เป็นต้น ส่วนท็อปส์ซูเปอร์ จับกลุ่มชนชั้นกลาง เน้นคนไทยมากกว่า สนใจเรื่องมูลค่าการใช้จ่ายเงิน ชอปปิ้งได้ตลอดเวลา และท็อปส์เดลี่ จะเน้นอาหารสด ขนาดพื้นที่เล็กเหมาะต่อการเปิดย่านชุมชน และจะเปิดบริการ 24 ชั่วโมงหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละทำเลและความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ทั้งนี้มูลค่าตลาดค้าปลีกโดยรวมในไทยจากเอซีนีลเส็นระบุว่า ในปี 2548 เท่ากับ 380,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โมเดิร์นเทรด 45% และเทรดดิชันแนลเทรด 55% ซึ่งท็อปส์มีแชร์อยู่ประมาณ 10.2% ในกลุ่มของโมเดิร์นเทรด เพิ่มจากปี ก่อนหน้าที่มี 8% ซึ่งท็อปส์ยังอ้างด้วยว่า เป็นซูเปอร์มาร์เกตที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในโลก และมีลูกค้าเข้าใช้บริการรวมกว่า 1.2 ล้านคนต่อสัปดาห์