“วราเทพ ” กำชับกรมศุลกากรเร่งปรับปรุงระบบการให้บริการด้านส่งออก-นำเข้าให้ทันสมัยมากขึ้น ทั้งการเปิดช่องบริการพิเศษ ควบคุมการปล่อยตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมดึงเอกชนเข้าร่วมโครงการร่วมใจใสสะอาดให้ได้ตามเป้า คาดอีก 6 เดือน จะเห็นผลชัดเจน เชื่อจะช่วยล้างภาพพจน์การทุจริตขององค์กรได้
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวหลังตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรลาดกระบังว่าเพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบพิธีการศุลกากรให้ง่ายและทันสมัย โดยเฉพาะการให้บริการใบขนสินค้าทุกประเภท ซึ่งจะให้เอกชนที่มีคุณสมบัติตามกำหนดได้รับกรีนไลน์ที่ผ่านการรับรองจากกรมศุลกากรเพื่อไม่ต้องตรวจสอบสินค้าก่อนการตรวจปล่อย แต่จะเป็นการปล่อยสินค้าออกแล้วจึงค่อยตรวจสอบภายหลังหากมีข้อสงสัยเพื่อลดขั้นตอนให้เหลือน้อยที่สุด ส่วนสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการร่วมใจใสสะอาดได้จัดให้มีช่องบริการพิเศษทั้งการนำเข้าส่งออกในทุกจุดที่ท่าเรือกรุงเทพ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและบริการที่รวดเร็ว โดยภายในปี 2549 จะเพิ่มสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการจาก 481 ราย เป็น 1,000 ราย ส่วนสมาชิกที่ยังไม่เคยใช้บริการช่องพิเศษจะให้ทดลองใช้เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างความรวดเร็วของการให้บริการ
นายวราเทพ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีต้องการให้กรมศุลกากรปรับปรุงระบบการบริการทั้งหมดเพื่อลดปัญหาการทุจริตและมีความชัดเจนภายในเดือนกันยายน 2549 ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการได้มากขึ้น ซึ่งการพัฒนาด้านการขนส่งสินค้าที่ลาดกระบังคืบหน้าไปมากแล้วเพื่อรองรับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์จากลาดกระบังไปยังแหลมฉบัง
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรได้เริ่มนำร่องนำระบบอาร์เอฟไอดี หรือระบบควบคุมตู้คอนเทนเนอร์ด้วยสัญญาณดาวเทียมมาใช้ควบคุมที่ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังและด่านศุลกากรลาดกระบัง รวมถึงจะนำไปใช้เชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่น เช่น ด่านอาหารและยา ด่านตรวจพืช ด่านตรวจสัตว์น้ำ ด่านกักกันสัตว์ระหว่างประเทศ
นายถาวร ไทยจงรักษ์ นายด่านศุลกากรลาดกระบัง กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ของด่านศุลกากรลาดกระบังไตรมาสแรกงบประมาณปี 2549 มีรายได้ 5,365 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายซึ่งอยู่ที่ 5,444 ล้านบาท หรือลดลง 78 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.44 เนื่องจากการลดอากรนำเข้าสินค้าหลังจากการเปิดเขตการเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศต่าง ๆ นอกจากนี้ การที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเก็บค่าเช่าที่จากเอกชนในการสร้างคลังสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 50 บาทต่อตารางเมตร เป็น 84 บาทต่อตารางเมตร ทำให้ต้นทุนของเอกชนสูงขึ้น และอาจทำให้เอกชนถอนการลงทุนสร้างคลังสินค้าที่ลาดกระบัง จึงต้องการให้กระทรวงการคลังช่วยเจรจากับกระทรวงคมนาคมเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะหากไม่สามารถเจรจาได้ มูลค่าการขนส่งที่ลาดกระบังอาจจะลดลงมาก
สำหรับการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2548 ของด่านศุลกากรลาดกระบังรวมทั้งสิ้น 49,300 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 2547 ร้อยละ 24.91 และสูงกว่าเป้าหมาย 1,000 ล้านบาท
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวหลังตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรลาดกระบังว่าเพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบพิธีการศุลกากรให้ง่ายและทันสมัย โดยเฉพาะการให้บริการใบขนสินค้าทุกประเภท ซึ่งจะให้เอกชนที่มีคุณสมบัติตามกำหนดได้รับกรีนไลน์ที่ผ่านการรับรองจากกรมศุลกากรเพื่อไม่ต้องตรวจสอบสินค้าก่อนการตรวจปล่อย แต่จะเป็นการปล่อยสินค้าออกแล้วจึงค่อยตรวจสอบภายหลังหากมีข้อสงสัยเพื่อลดขั้นตอนให้เหลือน้อยที่สุด ส่วนสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการร่วมใจใสสะอาดได้จัดให้มีช่องบริการพิเศษทั้งการนำเข้าส่งออกในทุกจุดที่ท่าเรือกรุงเทพ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและบริการที่รวดเร็ว โดยภายในปี 2549 จะเพิ่มสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการจาก 481 ราย เป็น 1,000 ราย ส่วนสมาชิกที่ยังไม่เคยใช้บริการช่องพิเศษจะให้ทดลองใช้เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างความรวดเร็วของการให้บริการ
นายวราเทพ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีต้องการให้กรมศุลกากรปรับปรุงระบบการบริการทั้งหมดเพื่อลดปัญหาการทุจริตและมีความชัดเจนภายในเดือนกันยายน 2549 ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการได้มากขึ้น ซึ่งการพัฒนาด้านการขนส่งสินค้าที่ลาดกระบังคืบหน้าไปมากแล้วเพื่อรองรับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์จากลาดกระบังไปยังแหลมฉบัง
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรได้เริ่มนำร่องนำระบบอาร์เอฟไอดี หรือระบบควบคุมตู้คอนเทนเนอร์ด้วยสัญญาณดาวเทียมมาใช้ควบคุมที่ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังและด่านศุลกากรลาดกระบัง รวมถึงจะนำไปใช้เชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่น เช่น ด่านอาหารและยา ด่านตรวจพืช ด่านตรวจสัตว์น้ำ ด่านกักกันสัตว์ระหว่างประเทศ
นายถาวร ไทยจงรักษ์ นายด่านศุลกากรลาดกระบัง กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ของด่านศุลกากรลาดกระบังไตรมาสแรกงบประมาณปี 2549 มีรายได้ 5,365 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายซึ่งอยู่ที่ 5,444 ล้านบาท หรือลดลง 78 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.44 เนื่องจากการลดอากรนำเข้าสินค้าหลังจากการเปิดเขตการเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศต่าง ๆ นอกจากนี้ การที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเก็บค่าเช่าที่จากเอกชนในการสร้างคลังสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 50 บาทต่อตารางเมตร เป็น 84 บาทต่อตารางเมตร ทำให้ต้นทุนของเอกชนสูงขึ้น และอาจทำให้เอกชนถอนการลงทุนสร้างคลังสินค้าที่ลาดกระบัง จึงต้องการให้กระทรวงการคลังช่วยเจรจากับกระทรวงคมนาคมเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะหากไม่สามารถเจรจาได้ มูลค่าการขนส่งที่ลาดกระบังอาจจะลดลงมาก
สำหรับการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2548 ของด่านศุลกากรลาดกระบังรวมทั้งสิ้น 49,300 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 2547 ร้อยละ 24.91 และสูงกว่าเป้าหมาย 1,000 ล้านบาท