กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เห็นพ้องกับกระทรวงการคลัง คาดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ร้อยละ 5 ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 พร้อมระบุดอกเบี้ยและราคาน้ำมันไม่กดดันเงินเฟ้อมากเหมือนปีที่แล้ว แต่ยอมรับเงินลงทุนจากโครงการเมกะโปรเจกต์จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยในปีนี้ ก่อนจะส่งผลมากในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการหารือกับ Mr. James M.Boughton ตัวแทนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในวันนี้ (27 ม.ค.) ไอเอ็มเอฟเห็นพ้องกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับภาพรวมทางเศรษฐกิจของไทยที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ในปี 2549 และยังเชื่อว่าปัญหาราคาน้ำมันและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสูงจะไม่เป็นแรงกดดันให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อสูงเหมือนปีที่แล้ว
ส่วนเรื่องการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ยอมรับว่า ถึงแม้จะมีความล่าช้าไป 3-4 เดือนก็ตาม นายทนงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลให้โครงการลงทุนล่าช้ากว่ากำหนด หรือกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก จากเดิมที่จะเริ่มประมูลและก่อสร้างในช่วงเดือนมีนาคมเลื่อนไปเป็นเดือนกันยายน อย่างไรก็ตามในปีนี้แม้จะมีเงินลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ แต่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อย เพราะเพิ่งจะเริ่มต้นก่อสร้าง แต่จะส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวมากในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการแข็งค่าของเงินบาทในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมาว่า ในช่วงนี้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่เห็นว่าเป้าหมายของเงินลงทุนจะเป็นการลงทุนในระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดหุ้น และเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะดูแลได้และหากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลต่างๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน จากผลการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐก็ไม่น่าเป็นห่วงต่อความสามารถในการแข่งขัน
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการหารือกับ Mr. James M.Boughton ตัวแทนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในวันนี้ (27 ม.ค.) ไอเอ็มเอฟเห็นพ้องกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับภาพรวมทางเศรษฐกิจของไทยที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ในปี 2549 และยังเชื่อว่าปัญหาราคาน้ำมันและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสูงจะไม่เป็นแรงกดดันให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อสูงเหมือนปีที่แล้ว
ส่วนเรื่องการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ยอมรับว่า ถึงแม้จะมีความล่าช้าไป 3-4 เดือนก็ตาม นายทนงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลให้โครงการลงทุนล่าช้ากว่ากำหนด หรือกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก จากเดิมที่จะเริ่มประมูลและก่อสร้างในช่วงเดือนมีนาคมเลื่อนไปเป็นเดือนกันยายน อย่างไรก็ตามในปีนี้แม้จะมีเงินลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ แต่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อย เพราะเพิ่งจะเริ่มต้นก่อสร้าง แต่จะส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวมากในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการแข็งค่าของเงินบาทในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมาว่า ในช่วงนี้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่เห็นว่าเป้าหมายของเงินลงทุนจะเป็นการลงทุนในระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดหุ้น และเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะดูแลได้และหากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลต่างๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน จากผลการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐก็ไม่น่าเป็นห่วงต่อความสามารถในการแข่งขัน